กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – กรมทรัพย์สินทางปัญญาถกประเด็นจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์ เตรียมรื้อระเบียบการแจ้งข้อมูลตัวแทน ปิดช่องโหว่การหาประโยชน์โดยมิชอบ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดโต๊ะหารือประเด็นจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์ ร่วมกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือและรับฟังความคิดเห็นก่อนออกมาตรการจัดระเบียบตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ เผยเตรียมปรับปรุงระเบียบกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่าด้วยการแจ้งข้อมูลตัวแทนลิขสิทธิ์ ปิดช่องโหว่จากการล่อให้กระทำผิดและหาประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์โดยมิชอบ ย้ำชัดคุณสมบัติตัวแทนฯ ต้องโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้
นายทศพล เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์ว่า จากกรณีกระทงลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับมอบนโยบายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เร่งดำเนินการออกมาตรการจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งการดำเนินการภายใต้หลักกฎหมายและความเป็นธรรม ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ย.) กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ มาร่วมหารือและรับฟังความคิดเห็น ก่อนที่กรมฯ จะเดินหน้าออกประกาศจัดระเบียบตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ต่อไป
นายทศพล กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการหารือหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องคุณสมบัติของตัวแทนดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งนอกจากคุณสมบัติพื้นฐานด้านอายุ การศึกษา และประวัติส่วนตัวแล้ว ตัวแทนดังกล่าวยังต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกทางคดีอาญา และต้องผ่านการอบรมและการทดสอบความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาและกระบวนการบังคับใช้กฎหมายตามที่กรมฯ จัดขึ้น ก่อนจะได้รับพิจารณาออกบัตรตัวแทน ทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะรวบรวมฐานข้อมูลตัวแทนเผยแพร่ให้ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นตัวแทนของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ โดยตรวจเช็คผ่านทางเว็บไซต์กรมฯ และสามารถสแกน QR Code ที่ปรากฏบนบัตรตัวแทน
อย่างไรก็ตาม หากตัวแทนมีการนำบัตรตัวแทนไปใช้ในทางมิชอบ หรือนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ อาทิ มีการข่มขู่เรียกเงินค่ายอมความ การแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ การอ้างสิทธิ์จัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อนกันหลายราย ฯลฯ หากมีการตรวจสอบพบความผิดจริงจะดำเนินคดีอาญากับตัวแทนดังกล่าว โดยสั่งยกเลิกและเรียกคืนบัตรตัวแทนทันที.-สำนักข่าวไทย