คลังเปิดตัวโครงการบ้านในฝันรับปีใหม่

กรุงเทพฯ 8  พ.ย. – คลังจับมือพันธมิตรเปิดตัวโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” หวังช่วยกระตุ้นยอดซื้อและเป็นแรงส่งภาคอสังหาฯ ปีหน้าโตกว่าร้อยละ 5 เอกชนยังกังวลติดล็อคมาตรการ LTV ของแบงก์ชาติ


นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดตัวโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” โดยมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เข้าร่วมเปิดตัวโครงการ เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2562 ให้กลับมาคึกคัก ผู้ประกอบการสามารถระบายสตอกบ้านได้และคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีบ้านเป็นของตัวเอง ได้แก่ กลุ่มคนเริ่มทำงานใหม่ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อ เพื่อให้ลูกหลานหรือทายาทที่ต้องเป็นการซื้ออยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ (เพื่อการอยู่อาศัย) และห้องชุดเป็นที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่ไม่เคยผ่านการครอบครองโดยบุคคลอื่นมาก่อน และราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะนำป้ายโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ไปติดหน้าโครงการ  

นายชาญกฤช กล่าวว่า มาตรการนี้นอกจากช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กระเตื้องขึ้นในช่วงปลายปี 2562 แล้ว  หากมาตรการประสบผลสำเร็จจะมีส่วนช่วยหนุนให้อสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2563 โตเกินกว่าร้อยละ 5 ซึ่งกระทรวงการคลังมั่นใจว่าประชาชนไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษแบบนี้มาก่อน และธุรกิจอื่น ๆ ยังได้ประโยชน์เพิ่มเติมพ่วงไปด้วย คือ ธุรกิจก่อสร้างที่จะมีงานปีหน้า กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มพัฒนาการคมนาคม โดยมาตรการนี้ช่วยให้มีที่พักอาศัยจริง ค่าโอนค่าจดจำนองที่มูลค่าเกือบ 100,000 บาท ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ฟรี การตัดสินใจซื้อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังมีโปรโมชั่นให้อีก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ โดยคิดดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก ช่วยประชาชนประหยัดค่างวดผ่อนบ้านหลายแสนบาท ธอส.มีวงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท การให้สินเชื่อใช้หลักผู้มาขอสินเชื่อก่อนได้ก่อน วงเงินหมดแล้วไม่มีการต่อมาตรการ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ ของขวัญปีใหม่ที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องการมอบให้ประชาชน จึงขอให้ประชาชนอย่าพลาดโอกาสนี้ 


สำหรับโครงการบ้านในฝัน รับปีใหม่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยวัตถุประสงค์หลักของกระทรวงการคลัง เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเอง สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออมที่มีความสำคัญประการหนึ่ง โดยตั้งเป้าอยู่ที่ 35,000 ยูนิต ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ โดยติดต่อลงทะเบียนผ่าน ธอส.ที่มีสาขากระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ พร้อมสามารถขอดาวน์โหลดไฟล์โครงการบ้านในฝัน รับปีใหม่ เพื่อทำป้ายประชาสัมพันธ์ติดหน้าโครงการได้ทันที 

ทั้งนี้ หวังว่าแคมเปญดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนที่ยังไม่มีและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สามารถกระตุ้นยอดขายและเร่งให้เกิดการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาการคมนาคมมีความคึกคักมากขึ้น และช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง


นางสาวอาภา อรรภบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การมีส่วนร่วมให้โปรโมชั่นพิเศษแก่ผู้ซื้อบ้านจะเป็นไปตามดุลพินิจและกำลังของผู้ประกอบการแต่ละรายจะมอบให้กับลูกค้า สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ช่วยลดภาระประชาชนที่ต้องการซื้อบ้าน 1 ล้านละ 30,000 บาท ของราคาที่ซื้อ ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก เพราะได้โควตาคนละ 3 ล้านบาท มาตรการนี้ออกมานอกจากเป็นการรณรงค์ซื้อบ้านแล้วยังช่วยให้ประชาชนมีบ้าน และช่วยกระตุ้นผู้ที่ต้องการซื้อบ้านจริงที่ยังรีรออยู่ นับเป็นโอกาสดีทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อการลงทุน ขณะที่ผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้ส่วนลดและสิ่งของเพิ่มเติม เป็นผลช่วยด้านจิตวิทยาเป็นอันมาก ช่วยตลาดคึกคักมากขึ้น โดยปกติช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากหลายคนมีรายได้พิเศษปลายปีต้นปีอยู่แล้ว ก็คิดว่าแผนใช้เงินไปอยู่ในทรัพย์สินที่ใช้อยู่อาศัยได้จริงไม่ได้กินใช้ฟุ่มเฟือย  จากสถิติการโอนอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเทศในภาพรวม อาคารชุดปกติมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 50 ของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยทั้งหมด ส่วนกรุงเทพฯ มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 60 ของภาพรวมอสังหริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ซึ่งเฉพาะสตอกอาคารชุดในกรุงเทพฯ มียอดคงค้างประมาณ 35,000 หน่วย มั่นใจว่าประมาณ 20,000 หน่วยเป็นอาคารชุด 

นางสาวอาภา กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีความกังวลว่าเมื่อประชาชนตัดสินใจซื้อแล้ว ด้วยมาตรการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ (LTV)  ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำให้ขอสินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสินค้าที่อยู่อาศัยนับที่การโอนไม่รับการขาย ดังนั้น ควรจะหาแนวทางผ่อนผันชั่วคราว แต่จากการติดตามข่าว ทราบว่ากระทรวงการคลังจะไม่ไปจัดการเรื่องมาตรการ LTV ของแบงก์ชาติ  

“เป็นเรื่องที่กังวลใจว่าออกมาตรการกระตุ้นการขายอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่มีมาตรการเสริมมารองรับการโอน การบรรลุผลต้องตามไปดูว่าจะสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด เพราะไม่ครบลูป แต่การออกมาตรการกระตุ้น อัตราการซื้อหรือการดูดซับที่อยู่อาศัยน่าจะดีขึ้นบ้าง” นางสาวอาภา กล่าว  

สำหรับยอดซื้ออาคารชุดของต่างชาติที่เคยมียอดซื้อประมาณ 90,000  ล้านบาท ขณะนี้หายไปหมด เพราะมองว่าผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ จึงมีการย้ายไปลงทุนซื้อในประเทศเพื่อนบ้านแทน เช่น กัมพูชาและยังไปซื้อที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย 

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ขณะนี้คาดว่ามีหน่วยพร้อมเปิดขายในช่วง 2 เดือนนี้ประมาณ 35,000 หน่วย และมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ผู้ซื้อบ้านในช่วงที่มีการลดราคา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมี   2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1  เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และจะลดต้องจดทะเบียนการโอน รวมถึงจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ภายในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ส่วนอีกมาตรการ ครม.เห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 2.5  คงที่ 3 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งภาครัฐประเมินเบื้องต้นว่าการลดค่าโอนและจดจำนองจะสูญเสียรายได้ 2,600 ล้านบาท ส่วนมาตรการลดดอกเบี้ย ธอส. รัฐบาลจะช่วยชดเชยดอกเบี้ยให้ 1,200 ล้านบาท  ประเมินว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต และส่งผลดีไปยังภาคธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องต่าง ๆ เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจคมนาคม  อีดทั้งหวังว่าหลังจาก ธอส.เป็นผู้นำตลาดในการลดดอกเบี้ยเงินกู้ จะทำให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ตาม 

ปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เดือนตุลาคม 2562 ประมาณ 34,731 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 57  ของที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จทั้งหมด และคาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จปี 2563 อีก 145,269 หน่วย จึงมีที่อยู่อาศัยรวมกว่า 180,000 หน่วย ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าของได้จำนวนเพียงพอ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น