กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – อธิบดีกรมเจ้าท่ายอมรับได้อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง คดีศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมเจ้าท่าอนุญาตใช้ท่าเรือขนถ่ายสินค้าระวางบรรทุกเกิน 500 ตันกรอสแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการเรือขนส่งทางน้ำหวั่นกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมเจ้าท่าอนุญาตใช้ท่าเรือขนถ่ายถ่านหินและสินค้าต่าง ๆ ที่มีระวางบรรทุกเกิน 500 ตันกรอส ย้อนหลังไปนับแต่วันที่อนุญาต ตามที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาะโลกร้อน พร้อมด้วยชาวบ้านอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 81 คน ฟ้องร้อง 8 หน่วยงานรัฐ เพื่อให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตท่าเรือที่ฝ่าฝืน
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาท่าเรือที่ขนส่งสินค้าในพื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่ อ.นครหลวง และพื้นที่อื่น ๆ ปกติมีประมาณ 60-70 ท่าเรือ ในอดีตเรือขนส่งสินค้าไม่ได้มีขนาดมากกว่า 500 ตันกรอส แต่เมื่อภาคการขนส่งสินค้าในประเทศ ซึ่งนำไปสู่ภาคการนำเข้า-ส่งออกด้วยมีการเติบโตตามนโยบายรัฐส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มขนาดเรือ เพื่อลดจำนวนเที่ยวเดินเรือ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเรือทุกลำที่ขนส่งสินค้าล้วนมีขนาดใหญ่กว่า 500 ตันกรอส
ทั้งนี้ เรื่องนี้ส่งผลให้ปี 2557 เพื่อให้การประกอบการเดินเรือไม่มีปัญหา เนื่องจากในอดีตท่าเรือในพื้นที่อาจมีใบอนุญาตเรือเทียบไม่เกิน 500 ตันกรอส กรมเจ้าท่าได้ทำการให้ใบอนุญาตท่าเรือสามารถเทียบระวางเรือมากกว่า 500 ตันกรอสได้ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือดูแลสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ให้เป็นแนวทางผู้ประกอบการท่าเรือทุกแห่งปฏิบัติ หากมีท่าเรือใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มมาตรการให้ทุกท่าเรือติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิด (CCTV) เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่ามอนิเตอร์ว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบคู่มือของผู้ประกอบการอย่างเคร่งครัดหรือไม่
“ยืนยันว่ากรมเจ้าท่ามีมาตรการในคู่มือตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งตามข้อเท็จจริงเป็นการกำหนดแนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมกับท่าเรือที่มีมาในอดีต ส่วนท่าเรือที่จะเปิดใหม่นั้น จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการพัฒนาท่าเรือ ที่ต้องดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้น สำหรับรองรับเรือขนาดมากกว่า 500 ตันกรอส” นายวิทยา กล่าว
นายปรีชา ประสพผล นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ประกอบการยืนยันว่าท่าเรือเก่าที่เปิดให้บริการมานานแล้ว สมาคมฯ ดูแลการปฏิบัติตามคู่มือเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ส่วนท่าเรือที่จะขออนุญาตใหม่ก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายในการขออนุญาต อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ อยากให้ทุกหน่วยงานภาครัฐดูแล เพื่อให้การดำเนินการไม่กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดนิ่ง เนื่องจากการขนส่งทางน้ำถือเป็นหัวใจของการขนส่งสินค้ารองรับการขนส่งสินค้าเกษตร สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ต่อเนื่องถึงการขนส่งสินค้า เพื่อการนำเข้า-ส่งออกที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมเจ้าท่าที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการท่าเรือขนถ่ายถ่านหินและสินค้าต่าง ๆ ที่มีระวางบรรทุกเกิน 500 ตันกรอสทั้งหมด โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่อนุญาต หากจะใช้ท่าเรือดังกล่าวต่อไปต้องไปจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ให้ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสียก่อน และพิพากษาให้อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาใช้อำนาจตาม ม.35 ประกอบ ม.37 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน 2535 แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละออง และเสียงดังจากการประกอบกิจการต่าง ๆ ทั้งหมด และพิพากษาให้ อบต.ในพื้นที่ ใช้อำนาจตาม ม.44 ม.26 ประกอบ ม.28 แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละออง และเสียงดังจากการประกอบกิจการต่าง ๆ ทั้งหมดด้วยภายใน 90 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา.-สำนักข่าวไทย