ศรีสะเกษ 7 พ.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว พร้อมพบปะประชาชน ย้ำไทยได้ผลักดัน ความร่วมมือ RCEP ยกระดับภาคการเกษตรไทย พร้อมเร่งรัดแก้ปัญหาความยากจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสนามบิน จ.อุบลราชธานี ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อเป็นประธานเปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จังหวัดศรีสะเกษ
นายกรัฐมนตรี ได้รับชมการแสดงพื้นบ้านจากนักเรียนใน อ.ราษีไศล พร้อมกล่าวกับประชาชน ว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพื้นที่ จ.ศรีสะเกษอีกครั้ง ส่วนตัวถือว่าเป็นลูกอีสาน ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership – RCEP) ที่ผ่านมา ไทยสามารถผลักดันความร่วมมือใน 15 ประเทศ ถือเป็นการเริ่มกติการ่วมกัน และคาดว่าจะมีการลงนามในปีหน้า ซึ่งความร่วมมือนี้ จะส่งผลให้ภาคเกษตรในประเทศไทยดีขึ้น ดังนั้นหลายอย่างต้องมีการปรับโครงสร้าง เช่นเดียวกับการหารือกับไอเอ็มเอฟ ที่ผ่านมา ซึ่งหลายอย่างดีขึ้น และถือว่าไทยเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน ทั้งนี้ยังได้หารือกับทางการจีน ในแนวทางแก้ปัญหาความยากจน โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ ไปศึกษาดูงาน และให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลมีแนวทางในการปรับปรุงภาคเกษตร ทั้งเกษตรแปลงใหญ่ พัฒนาพื้นที่ ส.ป.ก. ขณะเดียวกันต้องมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม สู่ยุค 4.0 เพื่อหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ นอกเหนือจากภาคการเกษตร รัฐบาลจึงส่งเสริมการลงทุนแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP ซึ่งการพัฒนาในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (EEC) ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อการลงทุนให้ใคร แต่เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการลงทุน
“ส.ว.และ ส.ส.ทุกคนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศ การเมืองต้องแยกออกจากกัน เพื่อทำประโยชน์ให้คนทั้งประเทศ สำหรับ จ.ศรีสะเกษ ถือว่ามีรายได้เป็นอันดับที่ 14 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 68 ของประเทศ แต่ไม่อยากให้กังวลในเรื่องนี้ อยากจะให้หันมาเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยมีเป้าหมายการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ขอย้ำว่า ให้เกษตรนำวัชพืชที่เหลือจากการเกษตร มาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ลดการเผาทำลาย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ PM. 2.5 และขอเชิญชวนประชาชน ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติก และช่วยกันกำจัดขยะทะเล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ประชาชนภาคเกษตรกรปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน รวมถึงใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ในการค้นคว้าหาข้อมูล ขณะเดียวกันขอให้นำสิ่งที่พูดในวันนี้ไปสื่อสารกับประชาชน ให้เกิดความเข้าใจ ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล อย่าสร้างความขัดแย้งอีก ลดความรุนแรงในครอบครัว ไม่บั่นทอนสถาบันครอบครัว จนมาสู่การทำลายชื่อเสียงของประเทศ พร้อมฝากนักเรียนเรียนหนังสือ ทั้งในระบบและนอกระบบ และเน้นตอบโจทย์ความต้องการของตลาด พร้อมสั่งการกระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสูตรให้ตรงความต้องการของตลาดแรงงาน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เปิดป้ายโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว เยี่ยมชมกิจกรรมการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมชมนิทรรศการ Fair Trade ของผู้ค้าที่ไม่หวังผลกำไรตอบแทน ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ชมกิจกรรมการส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือก ของศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ กิจกรรมการดำเนินงานของ Young Smart Farmer และกิจกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเกษตร.-สำนักข่าวไทย