กทม.-5 พ.ย.-ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ความเห็นกรณีล่อซื้อกระทงลายการ์ตูนลิขสิทธิ์จากเยาวชนหญิงอายุ 15 ที่โคราช
นายพิเศษ จียาศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ความเห็นกรณีมีผู้อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเอกชนเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนแห่งหนึ่ง พาเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมา เข้าจับกุมเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี พร้อมกระทงลายการ์ตูน ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนเรียกร้องค่าเสียหาย 50,000 บาท เพื่อไกล่เกลี่ยไม่ให้ถูกดำเนินคดี ที่สุดตกลงชดใช้เงินกันที่จำนวน 5,000 บาท โดยหลังปรากฏข้อมูลว่าภรรยาของชายที่อ้างว่าเป็นผู้ติดต่อสั่งทำกระทงดังกล่างจากเยาวชนหญิงเองว่า กรณีการล่อซื้อแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ลักษณะแรก เป็นการล่อซื้อผู้ค้าที่ประกอบกิจการค้าของละเมิดลิขสิทธิ์โดยมีการวางจำหน่ายสินค้าชนิดนั้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี แต่กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตามข้อมูลที่ได้รับฟังมาเป็นการจงใจสั่งผลิตสินค้าให้มีองค์ประกอบเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น เปรียบเสมือนการวางกับดัก ซึ่งศาลฎีกาเคยวางแนวคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานไว้โดยถือว่าผู้กระทำไม่มีความผิดมาแล้ว พนักงานสอบสวนเองสามารถพิจารณาสั่งไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาได้ หรือส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณา
เหตุการณ์ดังกล่าวมีข้อน่าสังเกตุว่า ผู้กล่าวหากลายเป็นผู้จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดเพื่อทำการกล่าวหาและได้มาซึ่งผลประโยชน์นั้น จะถือว่ามีความผิดจากเจตนาทุจริตต่อผู้อื่นหรือไม่ พนักงานสอบสวนควรพิจารณาข้อกฎหมายส่วนนี้ด้วย ส่วนตัวกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นก็มีการร่างกรอบวิธีการไว้กว้างๆและเปิดโอกาสให้สามารถยอมความกันได้ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้รับมอบอำนาจบางส่วนหันมาแสวงหาผลประโยชน์ ดังนั้นทางแก้ไขคือ อาจให้มีการขึ้นทะเบียนผู้รับมอบอำนาจคดีละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อควบคุมการดำเนินงานของผู้แทนเหล่านี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้อำนาจจับกุมก็ควรเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเท่านั้นหรือไม่ สุดท้ายคือการแก้ไขกฎหมายประเด็นการไกล่เกลี่ยยอมความให้สมกับเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายที่ปกป้องคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ไม่ให้มีการละเมิดสิทธิ์เจ้าของผลงาน ส่วนทางแก้ที่ยั่งยืนคือการสนับสนุนให้คนไทยเกิดความคิดสร้างสรรค์และลงมือประดิษฐ์ผลงานของตนโดยไม่ลอกเลียนผู้ใด จนเกิดเป็นลิขสิทธิ์ของตนเองและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายฉบับนี้ อันจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศชาติต่อไป.-สำนักข่าวไทย