กรุงเทพฯ 4 พ.ย.-กระทรวงการคลัง ระบุช่วงวันหยุดยาวขณะนี้ พบว่านักท่องเที่ยวใช้เงิน
“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท
ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตรงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล
นายชาญกฤช
เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง)
เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้แนะนำมาตรการ “ชิมช้อปใช้” พร้อมรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี
และไม่ควรกระจุกตัวเฉพาะเพียงเมืองหลัก แต่ควรกระจายออกสู่เมืองรองด้วย ยืนยันร้านค้าและผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการ
“ชิมช้อปใช้” ราว 180,000 ร้านค้า กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ ขณะเดียวกัน ในช่วงวันหยุดยาว 2-5 พ.ย. 62 เป็นระยะเวลา 4
วันติดต่อกันสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร
รองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
พี่น้องประชาชนให้การตอบรับการรณรงค์ท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างดี
อีกทั้ง
ยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” ทั้งกระเป๋า 1 และกระเป๋า 2
ก็ดีเกินคาด เม็ดเงินทยอยไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากทะลุหมื่นล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นที่น่าสังเกตว่าพี่น้องประชาชนเริ่มใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป
“เป๋าตัง” และผู้ประกอบการรายย่อย
รวมถึงวิสาหกิจชุมชนก็สามารถรับเงินผ่านแอ็ป “ถุงเงิน” คล่องแคล่วมากขึ้นด้วยเช่นกัน
กระทรวงการคลังขอย้ำว่า
วัตถุประสงค์หลักของโครงการ “ชิมช้อปใช้” มี 3 ประการ คือ 1.
ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนรับรู้และเข้าใจนิยามของคำว่า
“สังคมไร้เงินสด” ในทางปฏิบัติ
เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การค้าขายในสังคมยุคดิจิทัล 2. ส่งเสริมสถาบันครอบครัว
เพราะพ่อ แม่ ลูก จะมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยว และ 3.
กระจายเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนอย่างแท้จริง
โดยจะเพิ่มมากขึ้นแบบเป็นนัยยะในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี
ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูการท่องเที่ยว
“จากการลงพื้นที่ติดตามผลอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่พบว่า
ร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซนต์
และบางพื้นที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซนต์
แสดงว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ก่อให้เกิดการหมุนเวียน
และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง” นายชาญกฤชกล่าว
นางวิราวรรณ
พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เมื่อรวมยอดผู้ลงทะเบียนโครงการ “ชิมช้อปใช้” ทั้งเฟส 1 และ 2
มีประชาชนร่วมลงทะเบียน 13 ล้านคน
นับว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะการหยุดยาว 4 วัน ช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
แม้ประชาชนยังเน้นใช้เงินผ่านกระเป๋า 1 เมื่อใช้เงินเพียงบางส่วนในกระเป๋า 1 แล้ว
วงเงินที่เหลือ ยังทยอยใช้ได้จนถึงเดือนธันวาคม ส่วนกระเป๋า 2
ขั้นตอนการเติมเงินไม่ยุ่งยาก เพราะในแอ็บเป๋าตัง จะมีแถบการใช้สิทธิ์สองแถบ คือ
กระเป๋า 1 ใช้สิทธิ์รับเงิน 1,000 บาท ส่วนกระเป๋า 2 เข้าไปในปุ่มสีส้ม
กดเข้าไปจะได้รับ QR Code หรือได้รับ G-Wallet
ID จากนั้นให้แคปหน้าจอ
QR Code เพื่อเติมเงินในกระเป๋า 2 นอกจากนี้
ธ.กรุงไทยยังเปิดให้เติมเงินผ่านตู้ ATM เพื่อนำเงินกระเป๋า 2 ออกไปใช้จ่ายได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล
สำหรับการได้รับสิทธิ์เงินชดเชยจากการใช้เงินผ่านชิมช้อปใช้
วงเงิน 30,000
บาทแรก ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของมูลค่าซื้อขายแต่ไม่เกิน 4,500 บาท หากซื้อเกิน 30,000-50,000 บาท ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 20
ของเงินใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งสองโครงการใช้เงินได้ถึงสิ้นปี 2562
ยอมรับว่าแม้จะได้รับเงินชดเชยคืนภายหลังโครงการครบกำหนดไปแล้ว
แต่ให้ถือว่าเป็นเงินของตนเองจากการซื้อสินค้าแล้วได้รับชดเชยคืนจากภาครัฐ หลังจากนี้จะมีโครงการแคมเปญใหญ่ ธนาคารกรุงไทย
ร่วมกับการท่องเที่ยว โหมกระหน่ำลดราคา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวช่วงปลายนี้
ให้ติดตามการประกาศแคมเปญในเร็วๆ นี้.-สำนักข่าวไทย