ทำเนียบ1 พ.ย.- ไทยและบาห์เรน พร้อมกระชับความร่วมมือทั้งทวิภาคี และพหุภาคี ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้การต้อนรับ เชค คาหลิด บิน อาเหม็ด บิน โมฮัมเหม็ด อัล คอลิฟะห์ (H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed bin Mohamed Al Khalifa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศราชอาณาจักรบาห์เรน ที่เข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนไทย เพื่อลงนามในภาคยานุวัติสารสำหรับการเข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC)
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฯ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรนที่มีความใกล้ชิดและครอบคลุมในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาล ภาคเอกชน หรือประชาชน และขอฝากความระลึกถึง ถวายสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรน และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน พร้อมระบุรัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อบาห์เรนในฐานะมิตรประเทศที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลางและโลกมุสลิม พร้อมมุ่งมั่นที่จะผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันให้ครอบคลุมและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลอดจน ยินดีที่บาห์เรนได้เข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) ในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียน โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์ระหว่างบาห์เรนกับอาเซียนในมิติต่างๆ ให้มีพัฒนาการมากยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณบาห์เรนที่สนับสนุนไทยเป็นอย่างดีมาโดยตลอดในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในกรอบ OIC
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบ พร้อมระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรน และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ได้ฝากความปรารถนาดีมายังนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ขอบคุณที่ไทยเชิญให้บาห์เรนเข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมยืนยันบาห์เรนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับไทยในทุกระดับ ประสงค์ให้ไทยเป็นประตูสำคัญสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งทางด้านการค้าและการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการเมืองกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยในด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่ายังมีโอกาสในการขยายความร่วมมือระหว่างกันอีกมาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยทั้งภาครัฐและเอกชนได้จัดกิจกรรมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนในบาห์เรนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารซึ่งเป็นประเด็นที่บาห์เรนให้ความสำคัญ และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ภาคเอกชนบาห์เรนพิจารณาเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของไทยมากขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพร้อมและยินดีให้ความสนับสนุน .-สำนักข่าวไทย