เชียงใหม่ 1 พ.ย. – สำนักข่าวไทย ลำดับเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดเศรษฐินีสายบุญสุดสะเทือนขวัญครั้งหนึ่งของอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกว่าจะได้ผู้ต้องหามาดำเนินคดี ตำรวจต้องใช้เวลาแกะรอยอยู่หลายวัน
ย้อนกลับไปช่วงสายวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สภ.จอมทอง ได้รับแจ้งจากญาติของนางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง เศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม อายุ 58 ปี ว่า ไม่สามารถติดต่อได้ จึงให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่บ้านพัก พื้นที่หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง และกลับพบว่ามีกลิ่นเหม็นออกมาจากบ้าน เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในจึงพบศพของนางสาววรรณี ในสภาพสวมใส่เสื้อผ้า ถูกมัดมือมัดเท้า ศีรษะถูกถุงพลาสติกคลุมโดยมีเทปกาวพลาสติกพันรอบ และที่สะเทือนขวัญคือศพนั้นถูกนำไปซุกไว้ในตู้เย็นที่ถูกปิดทับด้วยผงปูนซีเมนต์ คาดว่าเสียชีวิตมาก่อนหน้าการพบศพ 2 สัปดาห์
ชุดสืบสวนระดมกำลังค้นหาเบาะแสสำคัญ และได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพบรถยนต์ BMW X1 สีขาว ทะเบียน 9กจ 3769 กทม. ของผู้เสียชีวิตขับผ่านกล้องวงจรปิดรวมทั้งหมด 26 จุดในช่วงวันที่ 18-19 ตุลาคม 2562 ซึ่งน่าจะเป็นเวลาที่นางสาววรรณี เสียชีวิตไปแล้ว และกุญแจสำคัญ คือ ใครเป็นคนขับรถ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเบาะแสสำคัญ เพราะมีภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 14-17 ตุลาคม พบรถของผู้เสียชีวิตขับผ่านด่านตรวจในเชียงใหม่, เชียงราย และลำปาง รวมทั้งหมด 7 จุด
จากหลักฐานดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเบาะแสสำคัญที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายคดีคือการได้รถมาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และ DNA จนกระทั่งวันที่ 29 ตุลาคม เจ้าหน้าที่จึงพบรถคันนี้แต่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดซุกซ่อนในป่าเขตอำเภอสารภี และมีการพบแผ่นป้ายทะเบียนรถคันนี้ที่ห้องน้ำสถานีรถไฟเชียงใหม่
ขณะที่ชุดสืบสวนอีกชุดได้แกะรอยเส้นทางการเงินของผู้ตายที่พบมีการกด ATM ออกไป โดยได้ภาพจากกล้องของ ATM บันทึกเหตุการณ์ 11 ตุลาคม 2562 เมื่อช่วงบ่าย เป็นชายต้องสงสัยยืนกดเงินโดยใช้บัตรของผู้เสียชีวิตที่โลตัส สาขาฮอด นอกจากนี้ในวันเดียวกันต่อเนื่องถึงวันที่ 19 ตุลาคม มีชายต้องสงสัยตระเวนไปกดเงินตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองเชียงใหม่ และเมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม พบชายคนเดียวกันนำบัตร ATM ไปกดเงินที่อำภอเมืองระยอง
จากหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงทราบตัวผู้กดเงิน คือ นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ ซึ่งพบความเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ ระยอง รวมถึงพื้นที่ภาคกลาง กระทั่งวันที่ 29 ตุลาคมจึงมีการออกหมายจับ และพบความเคลื่อนไหวที่สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี และนครปฐม ก่อนที่จะมีการไปซื้อรถจักรยานยนต์ราคา 169,000 บาทที่ร้านแห่งหนึ่งในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
จนมาถึงวันที่ 30 ตุลาคม ตำรวจพบตัวนายวิฑูรย์ ขี่รถจักรยานยนต์ในกาญจนบุรี แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทัน ขี่รถหนีไปที่อุทัยธานี แต่ไปไม่รอดเพราะถูกสะกดรอยต่อเนื่อง แม้ผู้ต้องหาพยายามหลบหนีไปที่นครสวรรค์แต่ถูกกดดันอย่างหนัก และท้ายสุดวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 14.00 น. ชุดสืบสวนได้ติดตามตัวผู้ต้องหาได้สำเร็จที่ริมถนนหมายเลข 1072 ต.หนองกระโดน อ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมยึดเงินสดที่ติดตัวอยู่ประมาณ 1,200,000 บาท ก่อนถูกนำตัวกลับไปที่ตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อดำเนินคดี ซึ่งจากการสอบปากคำเมื่อวานผู้ต้องหาสารภาพว่า สนิทคุ้นเคยกับผู้เสียชีวิตและรู้ว่าเป็นคนมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญ .- สำนักข่าวไทย