fbpx

หนุ่มแว่นหัวร้อน พกยาซึมเศร้าพบ ตร. ถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า

นครปฐม 23 ต.ค.-หนุ่มแว่นหัวร้อนพร้อมพ่อ-แม่ และแฟนสาว เข้าพบตำรวจ สภ.พุทธมณฑล ถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า เจ้าตัวพกยารักษาโรคซึมเศร้ามาให้ดู


กรณีหนุ่มแว่นดีกรีนักเรียนนอกเปิดฉากด่ากราดคู่กรณีที่ขับรถกระบะเฉี่ยวชนกัน เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา บริเวณจุดกลับรถด้านหน้าพุทธมณฑล ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม จนทำให้ผู้คนในโลกออนไลน์ต่างหัวร้อนตามไปด้วย เพราะไม่พอใจที่ชายคนดังกล่าวพูดดูถูกคนไทยด้วยกันเอง รวมถึงมีการลามไปถึงนายกรัฐมนตรี ขณะที่บางส่วนก็ชื่นชมคนขับรถกระบะที่ใจเย็นในการถ่ายคลิป และไม่มีการตอบโต้ใดๆ แม้ถูกพูดจาเหยียดหยาม ด่าทอ รวมถึงหาว่าเป็นโจร พร้อมอ้างว่าตัวเองเป็นนักเรียนนอก เป็นลูกเศรษฐี มีเงินในบัญชี 1 ล้าน ไม่สนใจคนไทย และอายุแค่ 24 ปีแต่มีรถป้ายแดง นอกจากนี้ยังอวดอ้างสรรพคุณว่ารู้จักนายตำรวจ 


เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สภ.พุทธมณฆล จ.นครปฐม พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการ สภ.พุทธมณฆล เชิญตัวหนุ่มแว่นคนขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค มารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ขณะที่บริเวณหน้า สภ.พุทธมณฑล มีกลุ่มประชาชนเดินทางมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์คดีดังกล่าว

พ.ต.อ.กัมปนาท เปิดเผยว่า ได้เชิญตัวหนุ่มคนขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค มารับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่นซึ่งหน้า จากการมีบางช่วงบางตอนภายในคลิป มีการด่ากราดและแอบอ้างเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนนี้เจ้าพนักงานสามารถเป็นเจ้าทุกข์ได้ แม้ในส่วนคู่กรณีที่ขับรถกระบะจะไม่แจ้งความก็ตาม โดยในข้อหานี้มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี และจะสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม นอกจากนี้ชายหนุ่มวัย 24 ปี คนดังกล่าว ได้นำยาระงับโรคซึมเศร้ามายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ด้วยว่าเป็นโรคซึมเศร้าชนิดควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยบนซองยาระบุได้ว่า “ให้รับประทานทุกวัน”


พ่อของหนุ่มแว่นรายนี้ ขอโทษแทนลูกชายที่ประพฤติไม่เหมาะสม แต่คิดว่าลูกชายคงเครียดและระบายออกไป เพราะมองว่าสังคมเมืองไทยไม่มีเหตุผล คนไทยทุกวันนี้ไม่มีน้ำใจ และเขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก สังคมที่เจอจากเมืองนอกเป็นสังคมที่ไม่ค่อยมีคนขับรถซี้ซั้วและมีวินัย แต่คนไทยทุกวันนี้ไม่มีน้ำใจ อีกทั้งลูกชายน่าจะเครียดเพราะขับรถด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ยังเจอเรื่อยๆ พร้อมยอมรับว่าเขาควบคุมตัวเองได้ เพราะเสียดายรถ และอัดอั้นเก็บกดมานานแล้ว เพราะไปอยู่ต่างประเทศมา 20 ปีตั้งแต่ 6 ขวบ ปกติเป็นคนพูดดี ไม่ได้มีอะไร ทำงานด้านต่างประเทศ

สำหรับความผิดฐาน “ดูหมิ่นซึ่งหน้า” เป็นการทำร้ายกันด้วยคำพูด โดยทนายความชื่อดังให้ข้อมูลว่า เป็นคดีลหุโทษ คือ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ แต่หากรับสารภาพก็จบคดี และยอมเสียค่าปรับในชั้นโรงพัก อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่รับสารภาพตำรวจต้องส่งอัยการให้ฟ้องต่อศาลแขวงดำเนินคดี ส่วนพฤติการณ์สำหรับการดูหมิ่นซึ่งหน้า ส่วนใหญ่เป็นการด่ากันของคน 2 คน โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่มีข้อเท็จจริงหรือใส่ความเป็นแค่ระบายอารมณ์ แต่กรณีนี้จะไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท

ความเคลื่อนไหวใน Facebook พบว่ามีมือดีนำชื่อ-นามสกุลของหนุ่มแว่นไปทำ Facebook ปลอม พร้อมโพสต์ข้อความแอบอ้างว่าจะฟ้องหมิ่นประมาทคนที่ทำ Facebook ปลอม รวมถึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ไปคอมเมนต์เสียๆ หายๆ ใน Facebook แต่หากตรวจสอบจะพบว่า Facebook ของเจ้าตัวปิดลงไปตั้งแต่ช่วง 16.00 น.ที่ผ่านมา ส่วนจุดสังเกตให้ดูจากวันที่โพสต์รูปภาพ หากเป็นวันนี้ถือว่าเป็น Facebook ปลอม เนื่องจาก Facebook เก่าการโพสต์รูปต่างๆ ตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดคลิปหนุ่มแว่นหัวร้อนด่ากราดคู่กรณี ลั่นไม่อยากเป็นคนไทย

• สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ แถลง กรณีหนุ่มแว่นหัวร้อนจบนอก

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย