สภากาชาดไทย วอนบริจาคเลือดให้ผู้ป่วย เนื่องจากเลือดคงคลังมีน้อย

สภากาชาดไทย 23 ต.ค..-ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนบริจาคเลือดให้ผู้ป่วย เนื่องจากเลือดคงคลังมีน้อย     ไม่พอกับการเบิกเลือดของโรงพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึง 2,600-3,000 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดให้ได้เพียง 60% เท่านั้น ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยหลายรายต้องเลื่อนการผ่าตัด     


ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  สภากาชาดไทย  เปิดเผยว่า  จากสถานการณ์ความต้องการเลือดในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นมา ปริมาณเลือดสำรองในคลังของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีผู้บริจาคโลหิตลดน้อยลง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทุกเดือนจะเป็นเฉพาะในช่วงที่มีความต้องการใช้เลือดในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มีผู้บริจาคโลหิตลดลงจากปกติซึ่งจะต้องได้รับโลหิตบริจาคตามเป้าหมาย คือ  2,000-2,500 ยูนิตต่อวัน  แต่ได้รับโลหิตบริจาคเฉลี่ย 1,500-1,700 ยูนิตต่อวัน เท่านั้น จึงเกิดการขาดแคลนสะสมจนทำให้ปริมาณโลหิตคงคลังลดน้อยลงไป  จนถึงขณะนี้ เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่ง ที่ต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดให้ผู้ป่วย รวมทั้ง ผู้ป่วยเด็กโรคเลือด อาทิ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย ที่ต้องใช้เลือดในปริมาณมากและต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยโรงพยาบาลทั่วประเทศ กว่า 160 แห่ง  ขอเบิกเลือดมายังศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เฉลี่ยเบิกรวม 2,600-3,000  ยูนิตต่อวัน แต่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  จ่ายเลือดให้ได้เฉลี่ย 1,600-2,000 ยูนิตต่อวัน หรือ ประมาณ 60 % ทำให้โรงพยาบาลต้องเลื่อนการผ่าตัดผู้ป่วยบางรายออกไปก่อน       


ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศให้ได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที  สามารถติดต่อบริจาคโลหิต ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  สภากาชาดไทย ศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาดที่ 11  วิเศษนิยม บางแค  หรือบริจาคได้ที่ สาขาบริการโลหิต 6 แห่งในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงพยาบาลตำรวจ  โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช  สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช     

ในส่วนภูมิภาค บริจาคโลหิตได้ที่  ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ และงานบริการโลหิต รวม 13 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดลพบุรี  ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์  พิษณุโลก เชียงใหม่  นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา ภูเก็ต และงานบริการโลหิต  สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ   จ.ประจวบคีรีขันธ์   และสาขาบริการโลหิตโรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต 0 2256 4300,0 2263 9600-99 ต่อ 1101,1760,1761  .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง