ททท.เปิด 2 แคมเปญใหม่ กระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี

ททท.17ต.ค.-ททท.มอบของขวัญส่งท้ายปลายปี ชวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวกับ 2 แคมเปญใหม่ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก” และ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” เริ่ม 1พ.ย. -31 ธ.ค.62 คาดช่วยกระตุ้นการเดินทางและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ400 ล้านบาท 


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ “ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทย”เพื่อกระตุ้นการเดิน ทางท่องเที่ยวภายในประเทศ กับ 2 แคมเปญใหม่ คือ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก” และ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย”         


ผู้ว่าการฯ ททท.กล่าวว่า ททท.ได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมการท่อง เที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงปลายปี 2562 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในการดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทย” ถือเป็นเหมือนของขวัญในช่วงปลายปีของ ททท.ที่มอบให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ผ่าน 2 แคมเปญ คือ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก” และ“ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” โดยการบูรณาการความร่วมมือและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวได้นำเสนอสินค้าและพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวกระจายไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมมาตรการชิมช้อปใช้ของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย

ผู้ว่าการฯททท.กล่าวต่อว่า โครงการเที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลกจะเริ่มต้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย จะเริ่มต้นในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 โดยทั้ง 2 โครงการจะสิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซึ่ง ททท.คาดว่า จะสามารถกระตุ้นการเดินทางและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง 400ล้านบาท และจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2562เพิ่มขึ้นเป็น 3.16 ล้านล้านบาท 


สำหรับรายละเอียดของแคมเปญ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก” นั้น น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างจำนวนนักท่องเที่ยวกับพื้นที่ในการรองรับ โดยนำเสนอสินค้าและบริการหรูหราของประเทศไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนโดยนำเสนอโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึงร้อยละ 80 เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยระดับกลาง-บน ควบคู่กับการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่ High Value Destination ผ่านการสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วย 9 กลุ่มสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความร่วมมือกับผู้ประกอบการเป็นอย่างดี  ได้แก่  

กลุ่มบัตรโดยสาร สายการบิน อาทิการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ เสนอโปรโมชั่นทุกเส้นทางบินในประเทศ เริ่มต้นเที่ยวละ 1,150 บาท สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เสนอโปรโมชั่นทุกเส้นทางบินในประเทศ เริ่มต้นเที่ยวละ 990 บาท 

กลุ่มโรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว อาทิ ศรีพันวา ภูเก็ตวิลล่า เสนอ Package ห้องพัก Pool Suite West Ocean View และบันยันทรีสมุย เสนอห้องพัก Pool Villa ในราคาเพียง 9,999 บาท/คืน 

กลุ่มสินค้าด้านสุขภาพและความงาม อาทิ TRIA Medical Wellness Center เสนอ Package สุขภาพความงาม (ฝังเข็ม, H2O Bright, Onsen, Beauty Salad) ลด 50% เหลือ 2,500 บาท A Spa Retreat ที่โรงแรม X2 Koh Samui เสนอโปรโมชั่นจากราคา 5,000 บาท ลดเหลือ 1,999 บาท  

กลุ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยม อาทิ บริษัท Blue Voyage เสนอ Package ท่องเที่ยวด้วยเรือยอร์ชสำหรับ 10 คน ในราคาเพียง 19,999 บาท และสมาคมธุรกิจเรือยอร์ชไทย เสนอ Package ท่องเที่ยวโดยเรือยอร์ชจากราคา 50,000 บาท ลดเหลือ 9,999 บาท  

กลุ่มกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน อาทิ โปรแกรมพายเรือแคนูอ่าวท่าเลน จังหวัดกระบี่ (รวมรถรับ-ส่ง) จากราคา 1,299 บาท เหลือเพียง 199 บาท  

กลุ่มพันธมิตรอาหารไทยอาหารถิ่นสู่มิชลินสตาร์ อาทิ ร้าน R-Haan เสนอ Chef Table ตามแนวคิด “Top Chef อาหารไทย ปะทะ Top Chef ชุมชน” จากราคา 4,999 บาท ลดเหลือ 999 บาท สมาคมภัตตาคารไทย จัดแคมเปญ “100,000 อิ่ม กินวันธรรมดา ราคาช็อกโลก” นำเสนอประสบการณ์อาหารไทยในร้านอาหารชื่อดังในราคาพิเศษ อาทิ ครัวเจ๊ง้อ 

กลุ่มนันทนาการ อาทิ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ องค์การสวนสัตว์ มอบส่วนลดบัตรเข้าชมในราคาพิเศษ  สยามนิรมิตกรุงเทพฯ และภูเก็ต เสนอบัตรชมการแสดงพร้อมอาหารค่ำ ลดราคาจาก 1,900 บาท เหลือ 800 บาท สวนน้ำ    วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน เสนอส่วนลดบัตรเข้าชมในราคาลด 50% นอกจากนั้นแล้ว

พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ อาทิ Klook นำเสนอแคมเปญ “ลามะชวนเที่ยว วันธรรมดาราคาช็อกโลก” โดยมอบส่วนลดเพิ่มจากสินค้าท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มจากราคาลดหน้าเว็บไซต์อีก 11% ในเดือนพฤศจิกายน และ 12% ในเดือนธันวาคม 2562 และ

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิIcon Siam, Central, Siam Paragon, Emporium, The Mall และอื่น ๆ รวมถึง สมาพันธ์ สมาคมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมเสนอโปรโมชั่นช็อกโลกพร้อมกัน เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 พร้อมเสนอโปรโมชั่นช็อกโลกพร้อมกัน เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562        

ทั้งนี้  นักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมแคมเปญเที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า18 ปีบริบูรณ์ (ณ วันลงทะเบียน) สามารถลงทะเบียนเพื่อสำรองสิทธิ์ได้ที่ www.tourismthailand.org/เที่ยววันธรรมดา หรือ www.เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก.com ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน (00.00 น.)–31 ธ.ค.62 เมื่อลงทะเบียนแล้วจะสามารถเข้าไปเลือกสินค้าทางการท่องเที่ยวได้จาก 9 กลุ่มที่ปรากฏ  จากนั้นจะได้รหัสคูปอง (promotional code) แล้วชำระเงินตามเงื่อนไขของผู้ประกอบการนั้นๆ ภายใน 5 วัน มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ โดยเว็บไซต์จะแสดงจำนวนรายการ ที่เหลือจากการจองอย่างชัดเจน 

นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการที่มอบราคาพิเศษโดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ดังกล่าว แล้วไปใช้บริการในราคาพิเศษได้เลย โดยไม่ต้องสำรองสิทธิ์ล่วงหน้า สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์และชำระเงินแล้ว จะสามารถใช้สินค้าและบริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน–31 ธันวาคม 2562 

สำหรับกลุ่มโรงแรมที่พักใช้บริการได้ในวันจันทร์-พฤหัสบดีและในวันจันทร์ –ศุกร์ สำหรับกลุ่ม 8 กลุ่มที่เหลือ ไม่สามารถโอน/เปลี่ยน/แลก/ทอน เป็นเงินสดหรือไม่สามารถยกเลิก/แก้ไขรายการได้ทุกกรณี และสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะได้ลุ้นรับแพคเก็จท่องเที่ยววันธรรมดาราคา 1 บาท จำนวน 8 รางวัล จับรางวัลทุกวันศุกร์ จำนวน 8 ครั้ง ซึ่ง ททท. จะมีการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการและรายละเอียดอื่นๆ   ในเว็บไซต์ต่อไป

ส่วนแคมเปญ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวว่า แคมเปญนี้ ททท. มุ่งจูงใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยราคา ช่วงเวลาการเดินทางและสินค้าทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ กับ 5 หมวดของขวัญ คือ 

1. หมวดการเดินทาง อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบินและรถบัสปรับอากาศ 

2. หมวดที่พัก โรงแรมสุดหรู  

3. หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 

4. หมวดแพคเก็จทัวร์ 

และ 5. หมวดแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมนันทนาการ และอื่นๆ ซึ่งมีของขวัญทั้งหมด 40,000 ชิ้น(รายการ) ในราคาชิ้นละ 100 บาท 

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมแคมเปญ ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ (ณ วันลงทะเบียน) มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Internet Banking (e-Banking) และมีเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ประกอบการลงทะเบียน โดยสามารถลงทะเบียนได้ทาง www.tourismthailand.org/ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย  หรือ www.ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย.com  ใน 4 วัน คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ครั้งที่ 2 วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ครั้งที่ 3 วันที่  11 ธันวาคม 2562 และครั้งที่ 4 วันที่ 12 ธันวาคม2562 ตั้งแต่เวลา 06.00–24.00 น. ของแต่ละวันหรือจนกว่าของขวัญจะหมด ซึ่งในแต่ละวันจะมีของขวัญทั้งหมด 10,000 ชิ้น เมื่อลงทะเบียนผ่านแล้ว จะสามารถเลือกซื้อของขวัญ ได้เพียง 1 ชิ้น/คน (ตลอดโครงการ) ซึ่งเว็บไซต์จะแสดงจำนวนรายการที่เหลือจากการจองเพื่อให้สะดวกในการตัดสินใจ จากนั้นชำระเงิน 100 บาท ผ่านช่องทาง Internet Banking เท่านั้น เมื่อชำระแล้วจะได้รับการยืนยันการสั่งซื้อ และสามารถนำข้อมูลการยืนยันไปใช้บริการได้ตามเงื่อนไขของผู้ประกอบการ  

รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ของขวัญในโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยนี้ สามารถใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยสามารถเลือกซื้อของขวัญได้ในทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดที่ปรากฏในบัตรประชาชน และไม่สามารถโอน/เปลี่ยน/แลก/ทอน เป็นเงินสดหรือไม่สามารถยกเลิก/แก้ไขรายการได้ทุกกรณี 

นอกจากนี้ ททท.ยังเพิ่มความพิเศษให้กับแคมเปญนี้ด้วยเซอร์ไพรส์กิฟท์ สำหรับผู้ลงทะเบียนในลำดับที่ 6,000  7,000  8,000  9,000 และ 10,000 ในแต่ละวัน รวมไปถึงเซอร์ไพรส์กิฟท์สำหรับนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของ ททท. อีกด้วย  สำหรับรายละเอียดของของขวัญจะเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของโครงการ ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]