ทำเนียบฯ 16 ต.ค.- นายกฯ ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 25 ต.ค.นี้ “อนุทิน” เชื่อ ไม่มีปัญหาส่งมอบพื้นที่ ยืนยัน ไม่มีชดเชยเป็นตัวเงิน หากส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ระบุ นายกฯ กำชับรัฐต้องช่วยเหลือเอกชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบควาามคืบหน้า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา พร้อมปรับเงื่อนไขการส่งมอบพื้นที่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งรัฐและเอกชน
นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละหน่วยงานต้องเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อย้ายสาธารณูปโภคที่อยู่ในส่วนรับผิดชอบออกจากพื้นที่ก่อสร้าง โดยฝ่ายรัฐมีความพร้อม นายกรัฐมนตรีกำชับว่า ภาครัฐจะต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ให้การเดินหน้าโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ใช่ให้ฝ่ายเอกชนออกแรงเพียงฝ่ายเดียว ถือว่าการทำงานทั้งรัฐและเอกชนมีความเข้าใจตรงกัน และจะมีการลงนามในสัญญาดำเนินโครงการ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆในการลงนาม
“หากส่งมอบพื้นที่ล่าช้า จะไม่มีการชดเชยในเรื่องของเงิน แต่จะเป็นการขยายเวลา ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา และสามารถมาพูดคุยกันได้ หากมีอุปสรรคระหว่างดำเนินโครงการบนพื้นฐานสิทธิเท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย ผมยังให้ความเชื่อมั่นว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายรื้อสาธารณูปโภคของภาครัฐ เนื่องจากเป็นงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน ในขณะที่ EEC ก็มีงบประมาณส่วนหนึ่งในการดำเนินการอยู่แล้วถือ เป็นการใช้จ่ายในประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์ ทุกหน่วยงานจึงไม่จำเป็นต้องห่วงงบประมาณ” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้กำชับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน หากมีประเด็นที่ต้องแก้ไข แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะรัฐบาลมองที่ผลสำเร็จของโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นว่า โครงการ EEC เดินหน้าต่อไป และเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และว่า วันที่ 25 ตุลาคม นี้ จะมีการลงนามสัญญาโครงการก่อสร้าง โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมเป็นประธานสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้ด้วย . – สำนักข่าวไทย