ผบ.ทบ.ย้ำแผ่นดินไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้

กองบัญชาการกองทัพบก 11ต.ค.-ผบ.ทบ.บรรยายพิเศษ ย้ำประเทศไทยอยู่ได้ทุกวันนี้ด้วยพระปรีชาของพระมหากษัตริย์  รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่หมวด 1 แก้ไขไม่ได้ แผ่นดินนี้แบ่งแยกไม่ได้ ทหารไม่เลือกนาย พร้อมทำงานให้ทุกรัฐบาล มีความพยายามดิสเครดิตอำนาจตุลาการ พร้อมตั้งคำถาม “โจชัว หว่อง” มาพบคนในไทยหลายครั้ง แอบสมคบคิดอะไร


กองทัพบกจัดบรรยายพิเศษหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” โดยพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้กล่าวบรรยาย และเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ศิลปิน ดารา อาทิ นก สินจัย เปล่งพานิช นายฉัตรชัย เปล่งพานิช นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อดีตตุลาการศาล ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังที่หอประชุมกิตติขจร 


ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า วันนี้(11 ต.ค.) เป็นการบรรยายครั้งแรกต่อหน้าประชาชน นิสิต นักศึกษาและสื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมาเคยแต่บรรยายกับทหารเท่านั้น ตนเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง เพราะกลับบ้านฟังแต่ภรรยาพูด ไม่มีโอกาสได้พูดมากนัก แต่วันนี้เป็นโอกาสดีที่ภรรยาได้มาฟังบรรยายด้วย

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า บทบาททหารหลังการเลือกตั้ง ถอยห่างจากการเมือง ไม่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีคำถามว่าทำไมต้องมีทหาร คำตอบคือทหารถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ดูแลประชาชน รักษาเอกราชอธิปไตย บูรณาการแห่งอาณาเขต ดูแลความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 52 ในรัฐธรรมนูญไทย และว่า “ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เต็มใจและพร้อมที่จะจับอาวุธขึ้นมาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติแล้วล่ะก็ ขอจงหยุดวิพากษ์วิจารณ์คนที่กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่” 

ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี และการเสียแผ่นดินทั้ง 14 ครั้งในอดีต โดยระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวเท่านั้นในภูมิภาคนี้ที่ยังเป็นเอกราช เพราะพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยที่ปกป้องรักษาแผ่นดินเอาไว้ ซึ่งระหว่างนั้น ผู้บลัญชาการทหารบกได้เปิดวิดิทัศน์ให้ผู้เข้าร่วมฟังบรรยายรับชมเกี่ยวกับการต่อสู้ของบรรพบุรุษในอดีตที่ต่อสู้เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินไทย


 “ย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทย เคยสูญเสียดินแดนบางส่วนหลายครั้งให้กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศล่าอาณานิคมที่ขยายเข้ามาในภูมิภาค ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ว่าประเทศไทยรอดจากประเทศที่ล่าอาณานิคมได้อย่างไร จะพบว่าในช่วงรัชกาลที่ 5 แม้จะถูกรุกรานหลายครั้ง แต่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่รอดจากประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคม พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถถ่วงดุลอำนาจ และรักษาดินแดนขวานทองของไทยไว้ได้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ชาวไทยยังมีประเทศอยู่จนถึงปัจจุบัน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเหตุผลของการตัดสินใจเข้ามารับราชการทหาร ว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2515 หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวระบุว่า มีเฮลิคอปเตอร์ตก 2 ลำขณะบินปฎิบัติการกวาดล้างกลุ่มคอมมิวนิสต์ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคมเฮลิคอปเตอร์ ถูกผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ยิงตกและอยู่ในเขตอันตราย 11ชีวิต ขณะนั้นตนอายุ12 ปี และไม่ทราบว่าพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บิดาเป็น 1ใน11ชีวิตที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ตกในป่าด้วย เพราะไม่มีเทคโนโลยีแจ้งให้ทราบข่าวเหมือนสมัยนี้ เมื่อบิดาได้รับการช่วยเหลือ ตนจึงถามตัวเองว่าทำไมพ่อต้องถูกยิง เหตุผลคือเพราะต้องปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข

“จากนั้นเหตุการณ์ยังคงรุนแรง มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เกือบร้อยบุกยึดหมู่บ้านและยิง 2 ราษฎร ขณะที่กลุ่มโจรภาคใต้ลักตัวครู เสียชีวิต 1 รอด1 ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความไม่สงบมาเป็นเวลานานแล้ว หลายคนเคยไปร่วมรบ หลายคนเคยไปเข้าร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ บางคนกลับตัวกลับใจได้ บางคนกลับออกมาเป็นนักวิชาการ นักการเมืองและยังคงมีความเป็นคอมมิวนิสต์ที่ถูกฝังชิพไว้ในหัวอยู่” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบกได้เปิดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ขณะทรงดำรงพระยศร้อยเอก พร้อมกล่าวว่า ในปี2519 สงครามคอมมิวนิสต์ ทรงเสด็จพื้นที่อ.ด่านซ้าย จ.เลย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2519 เพื่อร่วมรบกับทหาร ทรงอยู่ในฐานปฏิบัติการ และทรงปฏิบัติพระองค์เหมือนทหารทั่วไป ทรงเยี่ยมประชาชน ทรงเป็นมิ่งขวัญ ทรงเป็นกำลังใจ ทรงรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกำลังพลเหล่าทหารหาญ หลังจากนั้นยังมีอีกหลายยุทธการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง กว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะยอมวางอาวุธ ในสิ้นปี2531จึงสิ้นยุคคอมมิวนิสต์ ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และประชาชนเป็นสิ่งที่แยกออกกันไม่ได้ ในอดีตพระมหากัษตริย์อยู่บนหลังช้าง ทหารอยู่รายล้อมรอบช้าง ทหารเหล่านั้นก็คือประชาชนที่เสียสละเข้ามาร่วมรบกับพระมหากษัตริย์

“สถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน เกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากการยุยงปลุกปั่นของคนภายในชาติเอง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ฮ่องกง ที่มีนักการเมืองไทยเดินทางไปให้กำลังใจ และมีความเชื่อมโยงถึงกัน” พล.อ.อภิรัชต์กล่าวพร้อมเปิดภาพนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ที่ถ่ายคู่กับบุคคลหนึ่ง โดยทำภาพเป็นเพียงเงาของบุคคล พร้อมระบุว่า นายหว่องเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อมาพบกับบุคคลบางคน การเดินทางมาพบพูดคุยกันนั้นไม่ได้สมคบคิดวางแผนอะไรใช่หรือไม่ 

จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับพื้นที่จังวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2545 ที่รัฐบาลประกาศยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และประกาศว่าไม่มีโจรผู้ก่อการร้าย มีแต่โจรกระจอก จากนั้นเหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เสมือนไฟส่องทางสำหรับผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้ คือคำว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” 

“ผมมีโอกาสทำงานในพื้นที่ภาคใต้ กองทัพบกได้ปรับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 24 พื้นที่รอยต่อจ.ยะลาและนราธิวาส ทำงานในพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี 2 เดือน ทราบปัญหาต่าง ๆ มากมาย ถือว่าผมโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ รุ่นน้องและลูกน้องผู้นำทางศาสนา รวมทั้งประชาชนหลายคนไม่มีโอกาสได้กลับมาบ้านเหมือนผม คำถามคือจะมีใครสักกี่คนเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องสับเปลี่ยนกำลังทุก 1 ปีเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ผมเองกลับมาแล้วยังนอนผวา เคยแม้กระทั่งกระโดดลงจากเตียง ไปถามภรรยาผมได้ ซึ่งคนอื่นก็เป็น เพราะเป็นการรบภายใต้สภาวะกดดัน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า สถิติในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปี 2547-2562 มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยแบ่งเป็นทหาร 587 คน ตำรวจ 396 คน ผู้นำท้องถิ่น 242 คน ครู 109 และประชาชน 2,731 คน เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติ การเสียชีวิตของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากเหตุทั่วไปในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าเสียชีวิตจากอาชญากรรม 3,607 คน อุบัติเหตุ 3,497 คน เหตุความมั่นคง 2,731 คน ทั้งที่ตัวเลขการสูญเสียจากเหตุมั่นคงน้อยกว่าเหตุทั่วไป แต่กลับมีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่อยากทำให้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์รุนแรงและมีความสูญเสียมากมาย ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยืนยันฝ่ายความมั่นคงจะเร่งติดตามผู้ก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลใด และจะนำมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

“วันนี้มีนักวิชาการพยายามยกประเด็นมาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่บัญญัติว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกไม่ได้ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้ ผมไม่ยุ่งการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง เพราะประเทศจะแบ่งแยกไม่ได้ แต่ถ้าแก้มาตรา 1 เท่ากับเป็นการแก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ แบบนี้ทำไม่ได้ ทหารทุกคนเป็นหลักประกันแห่งความมั่นคง ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะเป็น นาย นางสาว ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผมและทหารก็ทำงานให้ ไม่เลือกปฎิบัติ ไม่เลือกนาย เพราะทหารคือหลักของความมั่นคงในการปกป้องประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ทหารตกเป็นเหยื่อ มองทหารเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าจะทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ทุกคนคือประชาชน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ประเทศไทยประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ออกกฎหมาย  ฝ่ายบริหาร มีรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศและฝ่ายตุลาการ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ แต่วันนี้มีความพยายามทำให้อำนาจตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ 

“ขอให้คิดให้ดีแล้วกันว่าทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ เกิดวิกฤติ หัวหน้าพรรคการเมือง พรรคการเมืองหนีหมด ทิ้งลูกน้องติดคุก ขึ้นศาล คนที่ร่วมชุมนุมกลับไปจนเหมือนเดิม ขอเอ่ยชื่อนักการเมืองคนหนึ่งคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งมีความสนิทสนมกันตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ผมได้ถามว่าตอนหนีไปอยู่ต่างประเทศลำบากแค่ไหน กว่าจะกลับมาประเทศไทยได้ลำบากแค่ไหน สุดท้ายที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ทุกคนไม่ต้องเชื่อ แต่ขอถามว่า ปัญหาเรื่องความมั่นคงจะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศล่าอาณานิคม ชอบอ้างเลข 2475 และชอบอ้างว่า ตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือจะเลือกกลุ่มนักการเมืองที่เลือกพวกพ้อง ไม่ห่วงผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงยังมีนักการเมืองในภาคใต้ที่เกาะแข้งเกาะขาพ่อผมสมัยก่อน หรือจะเชื่อนักการเมืองที่เป็นเหมือนผึ้งแตกรังที่ลูกพี่ใหญ่หนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ เชื่อคนที่ร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง แต่ละคนมีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน ดังนั้น คนทั้ง 3 กลุ่มนี้ ที่ได้เอ่ยมานั้น ไม่ผิดหรอกที่จะมาเป็นผู้นำประเทศนี้ เพราะในอดีตก็เคยมี แต่ขอว่าถ้าไม่คิดล้มล้างสถาบัน ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศ ก็สามารถมาบริหารประเทศได้ และผมในฐานะทหารยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้าง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ว่า เป็นแบบ Hybrid Warfare (ไฮบริด วอแฟร์) หรือสงครามลูกผสม คือสงครามที่ใช้วิธีการผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งสงครามตามแบบและสงครามไม่ตามแบบ ที่ประกอบด้วยกองกำลังทหารปกติ กำลังทหารรบพิเศษ กองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร  อาทิ มวลชนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ การสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่น สงครามข้อมูลข่าวสาร และการโฆษณาชวนเชื่อ การทูต การโจมตี ด้านไซเบอร์ สงครามเศรษฐกิจ 

“สุดท้ายที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ทุกคนไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แค่อยากขอถามว่าปัญหาเรื่องความมั่นคง ท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม แต่ขอเถอะครับถ้าไม่คิดล้มล้างสถาบัน ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศ ผมและเพื่อนทหารตำรวจ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้นิสิตนักศึกษาจำเอาไว้ว่าทหาร ตำรวจคือลูกหลานของพวกท่าน ผมดีใจที่บรรยายจนจบและขอโทษที่ใช้เวลาเกิน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้บัญชาการทหารบกใช้เวลาบรรยายประมาณ 1.30น. จากนั้นเลขานุการจุฬาราชมนตรี ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ได้ทำพิธีดูอาร์ให้พร จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทักทายนักเรียน ครู และทหาร รวมทั้งสื่อไทยและต่างชาติที่มาร่วมฟังการบรรยาย แต่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนกลับเข้าห้องทำงานทันที.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]