โรงแรมเซ็นทราฯ 11 ต.ค.-ประธาน กกต.ยอมรับเลือกตั้งซ่อมนครปฐมเข้มข้น แต่ไม่น่ากังวล เตรียมความพร้อมดีขึ้น เผยสัปดาห์หน้าอนุฯ พิจารณา”ธนาธร” ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม ว่า เป็นการแข่งขันที่เข้มข้น ไม่ถือว่าดุเดือด ที่ผ่านมา กกต.ได้ตั้งชุดหาข่าวและคณะไต่สวนเตรียมไว้เรียบร้อยกรณีหากมีเรื่องร้องเรียน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่ากังวล ทาง กกต.ได้เตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มาก ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
“เมื่อวาน นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต.ได้ไปตรวจเยี่ยมสำนักงาน กกต.นครปฐม เพื่อดูการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม จุดบกพร่องครั้งที่แล้ว กกต.ได้เน้นย้ำเพิ่มความระมัดระวัง อย่างเรื่องไฟดับ แม้ในครั้งที่แล้วเกิดขึ้นไม่กี่นาที แต่ครั้งนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ส่วนเรื่องเอกสารความแม้นยำในการรวมผลคะแนนและกรอกในเอกสารก็ได้มีการชักซ้อม ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว” นายอิทธิพร กล่าว
นายอิทธิพร กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคำร้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท ว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในการประชุม กกต.ได้พิจารณากัน แต่เห็นว่าเพื่อให้เกิดความรอบคอบและถูกต้องตามขั้นตอน จึงได้ส่งสำนวนให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาและข้อโต้แย้งของสำนักงานฯ พิจารณา โดยทราบว่าคณะอนุกรรมการฯ จะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้าตามขั้นตอน ขณะนี้จึงยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่า เรื่องร้องเรียนขณะนี้มี 584 เรื่อง พิจารณาไปแล้ว 437 เรื่อง และเหลือเรื่องที่ต้องพิจารณา 147 เรื่อง เรื่องที่มีการวินิจฉัยแล้วก็มีเผยแพร่ทางเว็ปไซต์ กกต.ทุกวัน
“เราจะพยายามทำให้เสร็จ ไม่ชักช้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้มีมติที่จะเสนอศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต่อศาลเพิ่มเติม” นายอิทธิพร กล่าว
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีมติเสนอให้มีการเลือกตั้งใหม่เขต 5 สมุทรปราการ ที่นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กกต.ยังยกร่างคำฟ้องไม่เสร็จสิ้น จึงยังไม่ได้ส่งศาลฎีกา
เมื่อถามว่ากรณีทางการจีนออกมาตำหนินักการเมืองไทยที่สนับสนุนแกนนำกลุ่มแบ่งแยกฮ่องกง ทาง กกต.จะมีการตรวจสอบว่าพรรคการเมืองที่นักการเมืองสังกัดอยู่นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวจากสื่อ ทางสำนักงานฯ ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ถ้าเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าข้อกฎหมายที่ทาง กกต.รับผิดชอบ สำนักงานฯ ก็จะเสนอว่ามีมูลความผิด หรือจำเป็นที่ กกต.ต้องตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบหรือไม่
“ผมต้องศึกษาข้อมูล เพราะข้อเท็จจริงที่ได้ยังไม่ครบถ้วน จะให้ตอบว่าผิดหรือไม่ผิดเลยก็จะเป็นความเห็นของคน ๆ เดียว ซึ่งจริง ๆ ต้องมีการประชุม กกต.พิจารณา และเห็นว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องสั่งสำนักงานฯ ดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ เพราะสำนักงานฯ ย่อมตระหนักดีถึงอำนาจหน้าที่ของตนเอง” นายอิทธิพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย