อนาคตรถเมล์สาย 8

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – หลังเกิดเหตุรถเมล์สาย 8 วิ่งฝ่าไฟแดงชนไม้กั้นทางข้ามรถไฟ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ถ.ศรีอยุธยา รถเมล์สาย 8 ซึ่งมักถูกวิจารณ์เรื่องการขับเร็วและอันตราย ถูกกล่าวขานถึงอีกครั้ง แต่ในอนาคตอันใกล้ รถเมล์เอกชนต้องย้ายไปสังกัดกรมการขนส่งทางบก ไม่ใช่ ขสมก. แบบเดิม ซึ่งจะทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการทำงานบนรถเมล์สาย 8 แบบเดิม ที่คนขับและกระเป๋ารถเมล์ มักเป็นคู่สามีภรรยา 



รถเมล์สาย 8 คันแล้วคันเล่า ที่ออกจากต้นทางตลาดแฮปปี้แลนด์ มุ่งหน้าสู่ปลายทางสะพานพุทธ มักมีพนักงานประจำรถ คือ พนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ เป็นคู่ชีวิตสามีภรรยา หรือไม่ก็เป็นเครือญาติในครอบครัวเดียวกัน บางคู่ทำงานด้วยกันมานานนับสิบปี ตั้งแต่ยังไม่มีลูก จนตอนนี้ลูกโตแล้ว


เช่น กระเป๋ารถเมล์คนนี้ ทำงานมาตั้งแต่ตั๋วรถเมล์ราคา 3.50 บาท เริ่มงานกระเป๋ารถเมล์สาย 8 พบรักพนักงานขับรถที่เป็นสามี และทำงานด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ เธอบอกว่า รถเมล์เอกชนไม่มีเงินเดือนเหมือน ขสมก. พนักงานขับรถจะได้เปอร์เซ็นต์จากค่าตั๋วโดยสาร 10 เปอร์เซ็นต์ กระเป๋ารถเมล์ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ เบี้ยเลี้ยงคนละ 150 บาท/วัน ดังนั้น การทำงานบนรถคันเดียวกัน เหมือนเป็นการช่วยกันทำงาน และไม่ส่งผลเสียต่องาน เพราะต้องมาทำงานพร้อมกันอยู่แล้ว


ลุงคนนี้ขับรถเมล์สาย 8 มา 20 ปี มีภรรยาเป็นกระเป๋ารถเมล์คันเดียวกันมาตลอด เขาบอกว่า มีบ้างที่บางวันต้องเร่งทำรอบ เพื่อส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จากค่าตั๋ว เพราะรายได้ของครอบครัวมาจากรถเมล์คันนี้คันเดียว

เบี้ยเลี้ยงเพียงคนละ 150 บาท/วัน ทำให้พนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ต้องทำรอบเพื่อเก็บค่าโดยสารให้มากขึ้น เฉลี่ยเก็บค่าตั๋วได้ประมาณ 5,000 บาท/วัน นั่นหมายถึงคนขับจะได้เปอร์เซ็นต์ 500 บาท กระเป๋ารถเมล์ได้ 250 บาท หากพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยา วันนั้นจะมีรายได้เข้าบ้าน 1,050 บาท แต่สภาพรถติดในปัจจุบัน ส่งผลให้ทำรอบรับผู้โดยสารได้น้อยลง รายได้ก็น้อยลงด้วย

หัวหน้ากลุ่มงานรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก. บอกว่า รถเมล์สาย 8 เป็นสายสั้น มีรถมาก รถติดหนัก ทำให้เกิดการแย่งผู้โดยสารกันบ้าง เพราะบางครั้งพอหลุดแยกไฟแดง รถวิ่งเข้าป้ายพร้อมกัน 4-5 คัน ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง ขสมก.กำลังถ่ายโอนการดูแลรถเมล์เอกชนให้กรมการขนส่งทางบก ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนสำคัญหลังการถ่ายโอนเสร็จสิ้น คือ 3 ปีแรกต้องเปลี่ยนรถใหม่เป็นรถปรับอากาศ และจะใช้ระบบตั๋วร่วม ไม่มีกระเป๋ารถเมล์อีกแล้ว

เมื่อการถ่ายโอนสำเร็จ มีการคาดการณ์ว่า ปัญหาแบบเดิมอย่างที่เห็นเหมือนรถเมล์สาย 8 จะลดลงได้มาก และที่ต้องกระทบ คือ การทำงานแบบครอบครัวในรถเมล์คันเดียวกัน ที่ต้องถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เพราะรถเมล์แบบใหม่จะไม่มีกระเป๋ารถเมล์อีกแล้ว 

รถเมล์สาย 8 ได้รับอนุมัติให้เดินรถตั้งแต่ปี 2475 หรือเมื่อ 87 ปีที่แล้ว ปัจจุบันรถเมล์ร้อนมี 72 คัน ผู้ประกอบการ 3 บริษัท คือ บริษัท ไทยบัส, บริษัท ทรัพย์ 888 และบริษัท กลุ่ม 39 เดินรถ นอกจากนี้ ยังมีรถเมล์สาย 8 ปรับอากาศ ของบริษัท ซิตี้บัส อีก 30 คัน ถือเป็นสายรถเมล์เอกชนที่มีรถมากที่สุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง