กทม.10 ต.ค.-กทม.ร่วมกับมหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ทดลองติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่กลางกรุง ช่วยลดฝุ่นและมลพิษทางอากาศ ผู้ว่าฯ กทม.เผยขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพราะไม่มีงบฯ และรอประเมินผล
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ตรวจเยี่ยมการติดตั้งและเปิดเดินเครื่องหอสูงฟอกอากาศ บริเวณศูนย์ การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องในการลดปริมาณฝุ่นและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือPM2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน หากอยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐานกำหนด 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีตัวแทนบริษัท มาสเตอร์ คูล อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของเครื่อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทดสอบ
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า กทม.ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และภาค เอกชนทำการทดลองติดตั้ง หอสูงฟอกอากาศ จำนวน 1 ชุด บริเวณศูนย์ การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเสริมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นและมลพิษทางอากาศ โดยเริ่มติดตั้งเครื่อง และเปิดใช้ตั้งแต่ช่วง 06.00 น.ในช่วงแรกจะทำการเปิดทดลองตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อนำผลที่ได้มาประเมินผลและตรวจสอบความคุ้มค่า หากมีความจำเป็นต้องซื้อในอนาคต โดยจะเน้นการตรวจสอบในช่วงเวลาเร่ง ด่วนที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น คือเวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 17.00-19.00 น.ไปจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย
ขณะเดียวกันสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ได้นำเครื่องตรวจวัดอากาศมาติดตั้งข้างเคียงเพื่อติดตามผล โดยมีเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมเก็บข้อมูลปริมาณความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ช่วงก่อนติดตั้งเครื่อง และในช่วงที่เปิดเดินเครื่องฟอกอากาศ เพื่อนำข้อมูลวิเคราะห์และเปรียบเทียบความเข้มข้นของฝุ่นและมลพิษ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องว่าสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวยด้วยว่า การติดตั้งหอสูงฟอกอากาศเป็นเพียงมาตรการเสริม ที่ทำควบคู่ไปกับมาตรการต่าง ๆ ที่กทม.ดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าขณะนี้ กทม.ยังไม่มีความคิดจะจัดซื้อเครื่องฟอกอากาศดังกล่าวเนื่องจากไม่มีงบประมาณ รวมถึงต้องรอการประเมินผล แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น รอบ 24 ชั่วโมง ระยะกลาง ในช่วง 1 สัปดาห์และระยะยาว คือ 1 เดือนหลังจากติดตั้งว่าคุ้มค่ากับการที่จะจัดซื้อหรือไม่ ซึ่งถ้าผลออกมามีความคุ้มค่าก็จะส่งเสริมให้ภาคเอกชน หรือห้างสรรพสินค้าดำเนินการซื้อมาติดตั้งบริการประชาชนโดยที่ กทม.จะเป็นคนเข้ามาดูแลและบำรุง รักษาเครื่องให้ ถ้าภาพรวมออกมาได้รับการตอบรับที่ดีจึงจะค่อยดำเนินการซื้อเพื่อนำไปติดตั้งในชุมชนอื่นๆของกรุงเทพฯ
ส่วนกรณีมีนักวิชาการหรือชาวเน็ตวิจารณ์ว่าเครื่องดังกล่าวใช้งานได้ไม่ผล สิ้นเปลืองงบประมาณและเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุนั้น ในประเด็นนี้ ผู้ว่าฯกทม.กล่าวยอมรับว่าได้ยิน และรับทราบคำวิจารณ์มาแล้ว พร้อมน้อมรับทุกความคิดเห็น
“หากอันไหนดีก็ต้องขอบคุณเพราะเป็นกำลังใจในการทำงานแต่หากสิ่งใดไม่เห็นด้วย ก็พร้อมรับแต่ขอให้แนะนำทางออกให้ด้วย ไม่ใช่มาแค่ว่าๆด่าๆแล้วก็หายไป แบบนี้ไม่มีประโยชน์ หากมีทางออกที่ดีกว่าอยากให้นำเสนอให้ กทม. ผมในฐานะผู้ว่าฯก็พร้อมนำความเห็นที่ดีไปปรับปรุงเพื่อพี่น้องต่อไป” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว และว่า ส่วนที่พูดว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุก็รู้ แล้วต้นเหตุ ปรับกันได้ไหม แก้กันได้ไหม รถเก่าที่วิ่งๆกันซึ่งเป็นสาเหตุของฝุ่นพิษเกินกว่าครึ่ง ตอนนี้ไม่ว่าต้น หรือปลาย ตนก็ต้องแก้ ดีกว่าปล่อยให้อากาศแย่ไปกว่านี้ ยิ่งกรมอุตุฯ ออกมาบอกว่า อีกไม่กี่วันความกดอากาศสูงจะแผ่ลงมา อากาศก็จะปิดอีกจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อลดปัญหาตรงนี้
สำหรับหอสูงฟอกอากาศ มีลักษณะเป็นเสาสูง 4 เมตร กว้าง 1.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ใช้หลักการทำงานของพัดลมขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณลมสูง (Air Volume) และกำลังการดึงลมสูง (Air Pressure) ดึงอากาศให้ไหลผ่านแผ่นกรองฝุ่น 2 ชั้น โดยใช้แผ่นกรองชนิด HEPA Fitter ขนาด 1ไมครอน และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกทางด้านบน มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 17,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร โดยใช้กำลังไฟฟ้า 3.5 กิโลวัตต์ ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 10 บาท โดย กทม.ไม่เสียเงินแม้แต่สตางค์เดียว จะให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการทำงานล่าสุด ก่อนเปิดเครื่องในเวลา 06.00 น.อยู่ที่ 31 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังเปิดเครื่องได้ ในเวลา 10.00 น. ค่าฝุ่น pm 2.5 อยู่ที่ 28 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร .-สำนักข่าวไทย