สายไหม 2 ต.ค. – ซีพีออลล์จับมือเอสซีจีและกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ต่อยอดแคมเปญลดและเลิกใช้ถุงพลาสติก เปิดตัว 7 Go Green Recycled Plastic Road เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นถนนประเดิมลานจอดรถเซเว่น สาขาสายไหมต้นแบบแห่งแรก
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังร่วมกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยและเอสซีจี พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐจัดแถลงข่าวทำกิจกรรมแคมเปญลดและเลิกใช้ถุงพลาสติก ด้วยการเปิดตัวโครงการ 7 Go Green Recycled Plastic Road เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นถนน ถือเป็นโครงการช่วยจัดการขยะพลาสติกให้เห็นเป็นรูปธรรม พร้อมนำขยะพลาสติกเหล่านี้ไปพัฒนาเป็นส่วนประกอบทำถนนจากพลาสติก รีไซเคิลถือเป็นการการสานต่อนโยบาย 7 Go Green ที่ได้ดำเนินการขับเคลื่อนรณรงค์ลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกและสามารถหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์กลับมาสู่ชุมชนให้มากที่สุด และสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้สังคม และประเทศชาติ ตามปณิธานอันมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน
ทั้งนี้ โครงการ 7 Go Green Recycled Plastic Road เป็นความร่วมมือพัฒนากระบวนการผลิต เทคนิคการสร้างถนน ด้วยการคัดแยกขยะพลาสติกจากสำนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อเข้ากระบวนการบดย่อยให้มีขนาดเล็กนำมาผสมกับยางมะตอยในสัดส่วนร้อยละ 7-8 ทำให้ถนนมีความแข็งแรงทนทานและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะถนนจะทนการกัดเซาะของน้ำและความร้อนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จะเปิดใช้งานเป็นพื้นที่จอดรถร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ถนนพลาสติกรีไซเคิล โดยจะเริ่มทดลอง 2 สาขากก่อน ได้แก่ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาสายไหม ซอย 3 และเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาราษฎร์พัฒนา ซอย 24 และจะดำเนินการขับเคลื่อนโครงการนี้ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ต่อไป
นายวิเชียร จึงวิโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องสำคัญขององค์กรที่มุ่งมั่นสนับสนุนการแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการสร้างมูลค่าจากแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ซึ่งนอกจากผลดีในเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยพัฒนาชุมชน โดยการนำขยะพลาสติกกลับมาให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง โดยเริ่มดำเนินการแล้ว โดยจะพัฒนาและขยายในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป เพื่อลดขยะพลาสติกอย่างถาวรและเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน และทางซีพี ออล์ลยังจะร่วมมือกับทางเอสซีจีที่จะนำพลาสติกรีไซเคิลไปเป็นส่วนผสมทำถนนตามมหาลัยหรือสถาบันการศึกษาที่ทางซีพี ออล์ลดูแลอยู่นอกเหนือจากร้านร้านเซเว่น อีเลฟเว่นอีกด้วย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายจากสาขาร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีอยู่ 11,647 ทั่วประเทศ จะเน้นสาขาที่มีพื้นที่ให้บริการที่จอดรถของลูกค้าให้นำโครงการนี้มาปรับพื้นที่ให้บริหาร เพราะเชื่อว่าการนำพลาสติกมาเป็นส่วนผสมทำถนนนอกจากลดพลาสติกแล้วยังจะทำให้ลดต้นทุนได้ ทางกลุ่มซีพี ออลล์โดยร้านเซเว่น อีเลฟเว่น พร้อมสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ร่วมกับภาครัฐตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ทุกร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศจะงดให้ถุงให้กับลูกค้าทั่วประเทศที่เข้ามาซื้อสินค้าภายในร้าน
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า การนำขยะพลาสติกมารีไซ ในสัดส่วนร้อยละ 7-15 จะทำถนนมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 30 อีกทั้งยังทำต้นทุนการทำถนนลดลง ซึ่งทางกลุ่มมีแผนที่จะส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานลองหันมาใช้วิธีการเหล่านี้ เพราะจะทำให้ถนนเมืองไทยมีความแข็งแรงทนทานได้อีกมาก
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ Vice President – Polyolefins and Vinyl Business ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ลดปริมาณพลาสติกในระบบน้อยลง แต่จะยังไม่หมดไปจากประเทศ ดังนั้น สิ่งที่จะลดได้จริงน่าจะอยู่ที่ประชาชนต้องช่วยกันลดเลิกที่จะใช้ถุงพลาสติก โดยเฉพาะถุงพสาสติกใช้มาแล้วทิ้งไป หากลดได้จะก่อให้เกิดประโยนช์โดยรวมได้และทางเอสซีจียังมีแผนที่จะนำรูปแบบนี้ไปใช้ในการพัฒนาพื้นที่บริษัทในกลุ่มเช่นกัน
นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า การจัดการขยะพลาสติกเป็นที่น่าดีใจที่ภาคเอกชนและประชาชนเริ่มตื่นตัวในการดูแลสิ่งแวดล้อม และยอมรับปีหนึ่ง 45,000 ล้านใบต่อปีสูงมาก เมื่อคิดเป็นขยะมากถึง 2 ล้านตัน แต่สามารถรีไซคได้เพียง 500,000 ตันถือว่ายังมีสัดส่วนน้อยมาก ดังนั้น จะต้องรณรงค์ร่วมมือทุกฝ่ายที่จะร่วมกันลดการใช้ถุงพลาสติกและมีการประกาศแนวทางที่จะให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ห้างทั่วประเทศจะไม่ใส่ถุงพลาสติกให้กับลูกค้า และขณะเดียวกันทางกรมฯจะเดินหน้าทำความเข้าใจร้านโชห่วยและตลาดสดทั่วประเทศทีมีสัดส่วนการใช้ถุงพลาสติกมากกว่าร้อยละ 70 ให้ลดการใช้ถุงพสลาสสติกและจะดึงเข้ามาร่วมโครงการไม่ใส่ถุงพลาสติกให้การมาซื้อสินค้า
นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ประเทศไทยจะลดปัญหาแริมาณใช้ถุงพลาสติกให้น้อยลง ซึ่งทางกรมฯ มีแนวทางที่จะร่วมกันส่งเสริมการลดละเลิกการใช้ถุงพลาสติกและหันมาใช้ถุงผ้าแทนจะส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในหลาย ๆด้านของไทยทั้งในอากาศและในน้ำดีขึ้น หากสามารถลดได้จริงก็จะก่อประเทศต่อประเทศชาติในทุก ๆด้านได้อย่างมหาศาล
นอกจากนี้ กรมฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนไว้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 หลังจากหารือกลุ่มผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่มีสัดส่วนให้ถุงพลาสติกมากถึง 13,500 ล้านใบว่าจะลดปริมาณลงให้ได้ และปี 2564 จะเน้นในกลุ่มร้านโชห่วยและตลาดสดที่ใช้ถุงพลาสติกสูงถุงเกือบ 20,000 ล้านใบ ดังนั้น หากทั้ง 2 ส่วนสามารถลดปริมาณการใช้ถุงได้จริง เชื่อว่าปริมาณขยะที่มาจากถุงพลาสติกจะนัองลงได้แน่นอน. – สำนักข่าวไทย