เพชรบูรณ์ 2 ต.ค. – ตำรวจบุกจับพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดจอมศรี หรือ “หลวงเจ๊” ข้อหากระทำอนาจารผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยจับกุมตัวได้ที่วัดไทยย้อย ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมผู้ต้องหาอีก 2 คน ก่อนนำตัวไปลาสิกขากับเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์
เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) ตำรวจจากกองปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับตำรวจสันติบาลเพชรบูรณ์ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ นำหมายศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าจับกุมตัวพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดจอมศรี ในข้อหากระทำอนาจารผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยจับกุมตัวได้ที่วัดไทยย้อย หมู่ 10 ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นายสุพจน์ ภาพสิงห์ หรือ อดีตพระครูวินัยธรสุพจน์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพระใกล้ชิดอดีตพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ ที่เข้าไปเสนอผลประโยชน์ขอเคลียร์กับเจ้าของร้านค้าที่ปรากฏในคลิป แต่ได้ลาสิกขาไปหลังคลิปโผล่ออกมา และนายวีรยุทธ กงถัน อายุ 32 ปี คนขับรถ ในข้อหาพาผู้ต้องหาหลบหนีและให้ที่พักพิง จากนั้นได้นิมนต์มาลาสิกขากับเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่วัดมหาธาตุ ก่อนนำตัวอดีตพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ หรือ ชื่อทางฆราวาส คือ นายประมิตร มีบุญมา อายุ 54 ปี พร้อมด้วยนายสุพจน์ ภาพสิงห์ อายุ 34 ปี และนายวีรยุทธ กงถัน อายุ 32 ปี คนขับรถ ส่ง สภ.เมืองเพชรบูรณ์
ทั้งนี้ นายสุพจน์ ภาพสิงห์ อายุ 34 ปี หรืออดีตพระครูวินัยธรสุพจน์ กล่าวหลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวน บอกว่า รู้จักกับพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดจอมศรี มาระยะหนึ่งแล้ว ปกติจะจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่ ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก แต่พรรษานี้มาจำพรรษาอยู่กับพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ ที่วัดจอมศรี เพื่อเตรียมจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต โดยปกติแล้วพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ เป็นคนที่มีลักษณะกระตุ้งกระติ้ง ที่ผ่านมาหลวงพ่อก็ช่วยสังคมมามาก ส่วนคลิปโอบกอดพนักงาน ตนรู้ดีว่าเป็นการไม่เหมาะสม และเพื่อไม่ให้ศาสนามัวหมอง ตนและหลวงพ่อจึงขอลาสิกขาเพื่อมาต่อสู้คดี ส่วนภาพในคลิปที่มีพระรูปหนึ่งนำซองขาวไปให้พนักงานผู้หญิงที่ร้าน ยอมรับว่าเป็นตนเอง แต่ไม่ได้จะให้ปิดเรื่อง เป็นการขอโทษมากกว่า
ตำรวจนำตัวอดีตพระครูวิเชียร ปัญญาภรณ์ หรือหลวงเจ๊ ขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ หลวงเจ๊ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขอให้สังคมช่วยพิจารณา อย่าฟังความข้างเดียวว่าภาพที่เห็นเป็นการหยอกล้อเล่น หรือทำจริงตามที่ถูกกล่าวหา
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดจอมศรี ต.น้ำร้อน พบชาวบ้าน 2-3 คน กำลังนั่งคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่กับพระลูกวัด สมาชิก อบต. หมู่.6 ต.น้ำร้อน กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว ชาวบ้านต่างดีใจเป็นอย่างมาก จากนี้ไปคงได้มาร่วมกันพัฒนาวัดอย่างสบายใจ เชื่อว่าตั้งแต่นี้ไปชาวบ้านตำบลน้ำร้อนและใกล้เคียงจะเข้ามาร่วมกันทำบุญและพัฒนาวัดเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีหลายคนไม่มั่นใจในการที่จะเข้ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้
นายสันติ ไชยบุญเรือง อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 6 ต.น้ำร้อน กล่าวว่า ตอนนี้ชาวบ้านรู้สึกโล่งปลอดโปร่งมาก หลังจากที่อัดอั้นกันมานานจากนี้ไปคงสามารถพัฒนาวัดได้อย่างเต็มที่ ส่วนพฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาสที่ผ่านมาต่างก็รู้กันดี แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ ส่วนกรณีอดีตเจ้าอาวาสมีลูกศิษย์วัยรุ่นจำนวนมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ชาวบ้านที่ออกมาขับไล่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสส่วนมากเป็นลูกหลานในหมู่บ้าน ไม่มีนิสัยเกเร คงไม่มีใครทำอะไรที่รุนแรง
พระลูกวัดรูปหนึ่งพาผู้สื่อข่าวไปดูศาลาธรรมสังเวชที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ พร้อมกับบอกผู้สื่อข่าวว่า เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทอดกฐิน-ผ้าป่า เพื่อสร้างศาลาธรรมสังเวช มีเจ้าภาพเป็นอดีตอธิบดีกรมปศุสัตว์ท่านหนึ่ง รวมทั้งอดีตนายตำรวจก็มาเป็นเจ้าภาพด้วย ได้เงินเกือบ 2 ล้านบาท แต่การก่อสร้างได้เพียงเสาไม่กี่ต้นเท่านั้น. – สำนักข่าวไทย