กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – รมว.คลังกำชับ สคร.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ตั้งเป้าปีนี้ไม่น้อยกว่า 288,000 ล้านบาท
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สคร.มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลและสนับสนุนรัฐวิสาหกิจให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยจำเป็นต้องมีการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้สามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทแวดล้อมต่าง ๆ
ทั้งนี้ สคร.ดูแลรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง มีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 15 ล้านล้านบาท ดังนั้น การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ จึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย โดยเน้นย้ำให้ สคร.มีระบบการบริหารงานสอดคล้องกับรัฐวิสาหกิจ ลดขั้นตอนกระบวนการทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น พร้อมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนหมดปีปฏิทิน 2562 จากเป้า 360,000 ล้านบาท และตั้งเป้าให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุนไม่น้อยกว่า 288,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ซึ่งขณะนี้มีการเบิกจ่ายแล้วประมาณ 170,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้ทันภายในปีนี้ โดยรัฐวิสาหกิจที่มีแผนการลงทุนมากที่สุดปีนี้ คือ บมจ.ปตท.
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้เร่งรัดบริหารการใช้จ่ายเงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ (TFFIF) ให้เป็นไปตามแผนและเป็นรูปธรรม สำหรับเฟส 2 กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดจะมีความคืบหน้าภายใน 6 เดือน
สำหรับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือร้อยละ 2.8 นั้น กระทรวงการคลังกำลังติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด ส่วนจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ใหม่หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในการประเมินอีกครั้งว่าจะถึงร้อยละ 3 ตามที่เคยคาดการณ์ไว้หรือไม่ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกไปแล้ว มองว่าเป็นการช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ พยุงเศรษฐกิจไทยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้มีคนลงทะเบียนคึกคัก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ช่วยกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกมาตรการใหม่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ส่วนในอนาคตจะมีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ ยังคงต้องติดตามกันต่อไป . – สำนักข่าวไทย