นครนิวยอร์ก 25 ก.ย.-นายกฯ ย้ำเวทีเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วน เพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย ย้ำ10 สมาชิกอาเซียนพร้อมเป็นเสือ 10 ตัวจับมือเดินเคียงกันในเวทีโลก งงคนมาประท้วงแต่ไม่รู้จักประเทศไทย ทุกประเทศมีปัญหาแตกต่างกัน ถ้าร่วมมือกันจะแก้ปัญหาได้
“รวีวรรณ สมรภูมิ” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ติดตามภารกิจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 21-27 กันยายน 2562 รายงานว่า วานนี้(25 ก.ย.) เวลา 23.36 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย” ในงาน Lunch talk จัดโดย Asia Society โดยกล่าวว่า หลายคนบอกว่าประเทศไทยขัดแย้งสูง เป็นผู้ป่วยอาเซียนหรือไม่ ขอย้ำว่าใครจะมองเป็นเสือตัวที่เท่าไหร่ ตนไม่สนใจ
“แต่ผู้นำอาเซียนทุกประเทศสัญญากับผมแล้วว่าจะเป็นเสือ 10 ตัวที่เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ไม่ทะเลาะกัน จูงมือไปด้วยกัน เสือก็เสือ ถ้าใครบอกจะเป็นที่ 1จะโดนตีตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องไปด้วยกัน พี่จูงเพื่อน น้องจูงเพื่อน เพื่อนจูงเพื่อน ไม่อย่างนั้นเราจะแสดงบทบาทของภูมิภาคในต่างประเทศไม่ได้ ถ้าประเทศไทยไม่เข้มแข็ง 9 ประเทศไม่เข้มแข็ง อาเซียนก็ไม่เข้มแข็ง แล้วใครจะคุยกับอาเซียน ใครจะคุยกับประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ แหล่งสินค้าตลาดของอเมริกาจะอยู่ที่ไหน ล้วนอยู่ในอาเซียนและไทยทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกประเทศมีปัญหาหมด เพียงแต่เป็นปัญหาภายใน ถามว่าประเทศไหนไม่เคยขัดแย้ง ก็ขัดแย้งกันหมดทั่วโลก เพียงแต่แก้ปัญหานี้อย่างไร จะเดินหน้าประเทศกันต่อได้อย่างไร ตนจึงเข้ามาเพื่อหยุดปัญหาเหล่านั้น หยุดความขัดแย้งไม่ให้บานปลายอีก แล้วเดินหน้าไปสู่การปฏิบัติ การเป็นประชาธิปไตยด้วยการสร้างระเบียบต่าง ๆ รัฐบาลที่ผ่านมาทำกฎหมายไปกว่า 400 ฉบับ แต่ก่อนหน้านี้น้อยกว่านี้มาก ต้องเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นภาระแก่ประชาชน ต้องเป็นกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ประชาชน ทำเช่นเดียวกับสหรัฐ เป็นสิ่งที่ไทยมองความเป็นสากล เป็นหลัก ไม่ได้มองเฉพาะแค่ตัวตนเอง ไม่ก้าวล่วงเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถา มีหญิงต่างชาติคนหนึ่งตะโกนบริเวณหน้าห้องปาฐกถา เรียกชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ว่า “มิสเตอร์ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาขอความร่วมมือให้ออกไปจากพื้นที่ ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็ยอมออกไปแต่โดยดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า “ฮัลโหล แต้งกิ้ว เวรี่มัช” ขอบคุณ แล้วกล่าวปาฐกถาต่อว่า ทราบดีว่าประชาธิปไตยเป็นสากลที่ทุกคนยอมรับ เป็นโรงเรียน เป็น ระบบมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในปัจจุบัน
“ผมยอมรับ แต่ขอว่าต้องเข้าใจเรานิดหนึ่งว่าอะไรคือปัญหาและปัญหาอยู่ตรงไหน ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เราควรจะทำแค่ไหน ถ้าเราได้ความร่วมมือแบบนี้มันแก้ได้หมด ความขัดแย้งก็ลงลดลง หรืออย่างเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีคนมาประท้วงที่หน้าโรงแรมพลาซ่าแอทธินี สถานที่พักว่า มีคนมาประท้วง 20 กว่าคน แต่กลับไม่ใช่คนไทยสักคน ยังไม่ทราบเลยว่ามาจากไหน แต่ไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ที่มาประท้วง แต่เมื่อมีคนไปถามว่าประเทศไทยอยู่ไหน กลับไม่รู้จักประเทศไทย ก็งง ๆ นะ แต่ไม่สนใจ เพราะมีงานสำคัญกว่าจะไปทะเลาะกับคนเหล่านี้ให้เสียเวลา
“ผมเป็นรัฐบาลมา 5 ปี ปีนี้เข้าปีที่ 6 เจอมาทุกปัญหา ก็รับฟังปัญหา นำกลไกต่าง ๆ ของเดิมกลับมาปรับมาแก้ อ่านตำราศึกษาอ่านหนังสือ ไม่ได้ใช้วิธีการทางทหารที่เป็นวิชาการทางทหาร ผมทำอย่างเดียวคือทำงานด้วยความเสียสละ อดทน อดกลั้น จริงจังเพราะวินัยทหารคือทำงานแล้วต้องสำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จอย่าไปทำ ทหารต้องสั่งคนไปรบ ส่งคนไปตาย หากยึดที่หมายไม่ได้ก็ตายไปเลย นั่นคือทหารและผมก็สำเร็จทุกครั้งถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเราทำไม่ได้ เราทำไม่เก่งก็ตายไป นั่นคือความเสียสละ นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจผมเสมอมา ผมไม่เคยคิดถึงประโยชน์ตัวเอง ไม่คิดถึงความเสี่ยงของตัวเอง ครอบครัวเป็นห่วงผม แต่เขาก็ยอมเพราะสละผมไปแล้ว ครอบครัวก็สละผมให้กับประเทศชาติไปแล้ว แล้วผมจะไปเรียกร้องอะไรจากใคร แต่เขาเข้าใจผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ใครมีคำสั่งศาลถือว่าไม่ใช่คนดี ซึ่งเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นายกรัฐมนตรีได้ถามผู้บริหารเอเชียโซไซตี้ว่าสนับสนุนคนเหล่านี้หรือไม่ บางเรื่องไม่ใช่คดีการเมืองแต่เป็นคดีอาญา ยืนยันตนไม่เคยทำผิดกฏหมาย แม้ว่าจะเข้ามาลักษณะนี้ และไม่ได้อยากเข้ามา แต่เพราะไทยมีปัญหา ไม่อยากให้เกิดสงครามการเมืองจึงต้องเข้ามายุติปัญหา กฎหมายจะบังคับได้ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน เจ้าหน้าที่เป็นคนดูแลบริหารจัดการ แต่ต้องไม่ทุจริต
“ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ถือป้ายเมื่อกี้คือใคร ทั้งที่โรดแมปทำแล้ว เลือกตั้งทำแล้ว ขอยืนยันประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและเป็นที่ยอมรับ ใครจะว่าผมไม่เป็นประชาธิปไตย ผมเลือกตั้งได้อาทิตย์เดียว รัฐบาลสหรัฐเป็นประเทศแรก ๆ ที่ออกแถลงการณ์ยอมรับผลการเลือกตั้งของไทย แล้วลงลายมือชื่อด้วยลายมือของนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แล้วใครมาว่าผมไม่เป็นประชาธิปไตย หลายประเทศล้วนแต่มายินดีกับผม การทะเลาะกันเป็นเรื่องภายใน ซึ่งทุกประเทศมีกันทั้งนั้น เลือกตั้งมีปัญหา ทุกประเทศก็มีหมด แต่เราอย่าไปทำไปฟังในสิ่งที่ไม่ใช่ ที่บิดเบือน สื่อโซเชียลต่าง ๆ อย่าไปฟังมากนัก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนเวลาตื่นเช้า แต่งตัวก่อนจะออกนอกบ้านจะก้มดูตัวเองเสมอ หล่อหรือยัง แต่ตนไม่เคยดูกระจกแบบนั้น แต่งตัวเสร็จ ตรงไหนไม่ดี ลูกน้องจะคอยบอก บางครั้งก็เนคไทไม่เรียบร้อย ตนเป็นแบบนี้ ไม่อยากเสียเวลา จะได้มีเวลาไปคิดอย่างอื่น จึงต้องมีรปภ.ไว้ดูแล ถ้าแต่งกายไม่เรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย
