อัยการวิเคราะห์คดี “ลันลาเบล” ยังไม่จบง่ายๆ

กทม. 25 ก.ย.-รองอธิบดีอัยการสำนักคดีอาญา เชื่อยังมีข้อหาใหญ่ที่น่าจะมัดตัวผู้ต้องหาในคดี “ลันลาเบล” เสียชีวิต และเชื่อว่า 3 ข้อหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งต่อ “น้ำอุ่น” เป็นเพียงข้อหาเบื้องต้น หวังนำตัวออกมาเพื่อป้องกันการยุ่งเหยิงหลักฐาน


นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักคดีอาญา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย กรณีศาลอนุมัติหมายจับ “น้ำอุ่น” 3 ข้อหา แสดงว่าพนักงานสอบสวนมีข้อมูลข้อเท็จจริงเพียง 3 ข้อหา เบื้องต้นที่พบบอกได้ว่ามีการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และการพาไปเพื่อการอนาจาร จากข้อเท็จจริงโดยภาพ, คลิป และการแชท จึงขอหมายจับจากศาลใน 3 ข้อหานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจบแค่นี้ ถ้าการสอบสวนยังปรากฏต่อไปอีกว่า มีความผิดเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าคนตาย การชันสูตรพลิกศพออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์ มีพยานหลักฐานอื่นที่ชี้ได้ว่า การกระทำไม่ใช่แค่การหน่วงเหนี่ยว ไม่ใช่แค่การอนาจาร เป็นการตั้งใจให้ตายก็อาจตั้งข้อหาเพิ่ม ส่วนการออกหมายจับและตั้งข้อหาในขณะนี้ เชื่อว่าเพื่อเป็นการเอาตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามาอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐตามพยานหลักฐานมีอยู่ เพื่อไม่ให้ไปทำลายหลักฐาน หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน 


นายปรเมศวร์ แสดงความคิดเห็นในข้อกฎหมายว่า สำหรับกรณีรนี้เป็นเทคนิคการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน ตอนนี้ข้อหาใหญ่ยังไม่ออกมา เนื่องจากผลการชันสูตรพลิกศพ และประเด็นนาฬิกายังไม่ชัดเจน ยังต้องการผู้เชี่ยวชาญมาให้ความเห็นอีกหลายประเด็น ซึ่งมีรายละเอียดอีกมากและเชื่อว่าคดียังไม่จบแค่นี้ ส่วนจะตั้งข้อหากับคนที่อยู่ในบ้านจัดปาร์ตี้ได้หรือไม่อยู่ที่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก ต้องดูเวลาตายที่ชัดเจน เพราะเวลา 15.00-19.00 น. นั้นกว้างเกินไป ประเด็นที่ 2 พฤติกรรมในบ้านไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร มีภาพเพียงบางภาพ แต่คิดว่าถ้าพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับก็ยังได้ เพียงแต่ว่าวันนี้ไม่มีใครรู้รายละเอียดทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สอบเครียด “น้ำอุ่น” หลังตำรวจบุกจับกลางดึก


• ผบก.น.8 เผย “ลันลาเบล” เสียชีวิตระหว่างเวลา 15.00-19.00 น.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย