BIG STORY : บุกตรวจค้นบ้านจัดปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง

นนทบุรี 23 ก.ย.-ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และรอง ผบช.ภ.1 นำทีมพิสูจน์หลักฐาน และสุนัขตำรวจ บุกตรวจบ้านจัดงานปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง พบหลักฐานหลายอย่าง โดยเฉพาะสารสีขาวบรรจุซองพลาสติกจะส่งให้ห้องแล็บพิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่

พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยภายหลังประชุมคลี่คลายคดีการเสียชีวิตปริศนาของนางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลันลาเบล ว่าได้รับรายงานผลนิติวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว โดยผลชันสูตรระบุว่าเสียชีวิตจากการดื่มสุรา หรือทางการแพทย์เรียกว่า Alcohol intoxication ซึ่งตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 418 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ไม่พบยีนหรือโครโมโซมหรือ ดีเอ็นเอของผู้อื่นในร่างกายของลันลาเบล รวมถึงไม่พบร่องรอยการต่อสู้บนร่างกาย แต่ผลดังกล่าวเป็นผลการชันสูตรเบื้องต้นเท่านั้น พร้อมย้ำวันนี้ยังขอศาลออกหมายจับไม่ได้ เพราะต้องสอบปากคำพยานสำคัญอีก 5 ปาก ที่ส่วนใหญ่อยู่ในบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง หากทุกอย่างเสร็จสิ้นจะร่างคำร้องขอหมายจับผู้เกี่ยวข้องช้าสุดคือวันที่ 25 กันยายน ส่วนหลักฐานที่มีในตอนนี้ เบื้องต้นมีผู้กระทำผิดคนเดียว แต่ไม่ขอยืนยันว่าเป็นนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น หรือไม่ หลังสอบสวนขยายผล หากมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มทันที


ส่วนที่มีข่าวเตรียมแจ้ง 3 ข้อหากับผู้กระทำผิด คือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กระทำอนาจาร และกักขังหน่วงเหนี่ยว พล.ต.ต.สัมฤทธิ์บอกว่า หลายข้อหาชุดสืบสวนสอบสวนจะนำมาพิจารณาควบคู่คำพิพากษาศาลฎีกาคดีเจตนาฆ่าโดยงดเว้น  

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เปิดเผยว่า ปอท. ตรวจสอบ Smart Watch ที่วัดชีพจรของลันลาเบลเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งผลกลับไปให้พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล เพื่อนำไปรวบรวมเป็นหลักฐานในคดีลันลาเบลแล้ว แต่รายละเอียดต่างๆ ยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะเกรงจะกระทบต่อรูปคดี ขอให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เป็นผู้ชี้แจงแต่เพียงผู้เดียว

ขณะเดียวกันที่ สน.บุคคโล มีความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน โดยช่วงเช้า นายชวลิต นรพันธ์พิพัฒน์ พ่อของลันลาเบล นำบราปีกนก 2 ชิ้น ซึ่งเป็นของลันลาเบล มามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับบราของที่พบในขณะที่ลันลาเบลเสียชีวิต ยืนยันยังมั่นใจการทำหน้าที่ของตำรวจ แม้คดีจะผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าตำรวจกำลังเดินหน้าพิสูจน์ความจริง ไขความกระจ่างให้กับครอบครัว ส่วนน้ำอุ่นที่ตอนนี้ยังล่องหน หากพ่อเจอหน้าอยากบอกว่าให้พูดความจริง ส่วนเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ หากเจอหน้าอยากถามว่าทำไมเห็นลันลาเบลเมาไม่ได้สติ ไม่แจ้งให้ครอบครัวมารับ หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรปล่อยให้ไปกับคนที่ไม่รู้จัก พร้อมย้ำจะเก็บศพลันลาเบลไว้จนกว่าคดีจะคลี่คลาย

นอกจากนี้ในช่วงบ่าย พนักงานสอบสวนได้เรียกสอบพยานปากสำคัญ 5 ปากเพิ่ม ก่อนทำคำร้องขอศาลออกหมายจับ โดยคนแรกคือ นายชัยพล หรือ คิว พรรณา เจ้าของบ้านจัดปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง ตามมาด้วยแฟนของคิว นายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร พี่ชายคิว นายกิตติศักดิ์ วงศ์ประจันต์ หรือโทน พร้อมแฟนสาว ซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นผู้พบศพลันลาเบลในคอนโดฯ ของน้ำอุ่น และเตรียมเชิญแพทย์นิติเวช จุฬาฯ ซึ่งเป็นคนผ่าชันสูตรลันลาเบล เพื่อให้มายืนยันผลชันสูตรอย่างละเอียดด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน “คิว” ได้อ้างว่าไม่ทราบว่าตำรวจเรียกมาสอบเพิ่มในประเด็นใด แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนาฬิกาสีทองที่ปรากฏในคลิปลูบหน้าลันลาเบล จากนั้นโชว์นาฬิกาให้สื่อดูซ้ำ เพื่อเป็นการยืนยันว่านาฬิกาเป็นของน้ำอุ่น และคาดว่าน้ำอุ่นจะถอดเปลี่ยนตอนอยู่ในรถ นอกจากนี้ตนยังไว้เล็บยาว รวมถึงมีคลิปยืนยันที่เห็นชัดเจนว่านาฬิกาสีทองน้ำอุ่นใส่อยู่ตอนที่อยู่ในปาร์ตี้ ส่วนคนที่ช่วยน้ำอุ่นถือรองเท้าลันลาเบล ขณะน้ำอุ่นพาลันลาเบลขึ้นรถขับไปจากบ้านที่จัดปาร์ตี้ คิวบอกว่าเป็นเพื่อนชื่อปิงปองมาหา เพื่อยืมกุญแจรถ และเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน ขอชี้แจงตนมีอาชีพหลายอย่าง ทั้งเล่นหุ้น บิทคอยน์ ขายของในเกม การจ้างพริตตี้มาเอนเตอร์เทนแต่ละครั้งไม่ได้ออกเงินจ้างคนเดียว แต่เป็นการแชร์กันของกลุ่มเพื่อน


นอกจากนี้แฟนนายคิวยังให้ข้อมูลถึงพฤติกรรมน้ำอุ่นว่า เวลาเมาชอบมารุ่มร่าม ส่วนตัวไม่ชอบพฤติกรรมของน้ำอุ่น ปกติหากพบเห็นพยายามลวนลามพริตตี้ในบ้านจะห้ามปรามตลอด เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน นายน้ำอุ่นชอบมางานที่บ้านเป็นปกติและชอบมาฟรีตลอด หวังมาตีสนิทกับพริตตี้ ส่วนกางเกงที่ลันลาเบลสวมออกจากบ้านเป็นของตน เพราะเห็นลันบาเบลสวมเดรสสั้น โป๊ ยืนยันการดื่มในงานปาร์ตี้เป็นการดื่มกินปกติ ไม่มีใครมอมเหล้าใคร และไม่มีการอัพยาเสพติด ทุกคนในบ้านตรวจหาสารเสพติดแล้วก็ไม่เจอ

ที่ สภ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี โดยบอกว่าขณะนี้พยานหลักฐานและพยานบุคคลมีครบแล้ว แต่ขอเวลาประชุมสรุปอีกครั้ง ฝากถึงญาติผู้เสียชีวิต ตำรวจจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและสาวให้ถึงคนที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมด ซึ่งระหว่างที่ตำรวจมีการประชุมกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาเกาะติดความคืบหน้าคดี พร้อมพาพริตตี้สาว 2 คน เข้าให้ปากคำเพิ่ม โดยพริตตี้ 2 คนนี้เข้ารับงานช่วง 4 ทุ่ม วันเกิดเหตุ หรือเป็นช่วงกลางดึกหลังจากน้ำอุ่นพาลันลาเบลกลับไป แต่ขณะทำงานได้เกิดหมดสติ ตื่นมาอีกทีพบว่าไม่ได้สวมชุดชั้นใน จึงอยากให้ตำรวจช่วยติดตามตัวกลุ่มคนดังกล่าวมาดำเนินคดี

นอกจากนี้นายอัจฉริยะยังได้ยื่นหลักฐานเป็นภาพชุดเดรสสีขาวที่ถูกถอดวางไว้บนโซฟา ซึ่งนายอัจฉริยะมั่นใจว่าชุดดังกล่าวเป็นของลันลาเบลที่ถูกเปลี่ยน และเชื่อว่าลันลาเบลถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงระบุว่ามีวิดีโอครบถ้วนว่าในบ้านปาร์ตี้มีใครอยู่บ้าง และมีด้วยกันกี่คน หลักฐานหลายอย่างยังไม่ได้เปิดเผย เชื่อหากตำรวจเห็นจะสามารถออกหมายจับได้ทั้งขบวนการ

ล่าสุดในช่วงเย็น หลังจากตำรวจใช้เวลาประชุมคดีกว่า 2 ชั่วโมง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และรอง ผบช.ภ.1 นำทีมพิสูจน์หลักฐาน และสุนัขตำรวจ บุกไปตรวจบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ พร้อมแสดงหมายค้น โดยมีผู้ใหญ่บ้านและนายกเทศมนตรีนำตรวจค้น เนื่องจากเจ้าของบ้านไปให้ปากคำอยู่ที่ สน.บุคคโล

การตรวจสอบภายในห้องจัดปาร์ตี้ พบโลหะสีเหลืองคล้ายทองคำ แหวน และนาฬิกาคล้ายที่ปรากฏในคลิป สุรา สิ่งเทียมอาวุธปืน รองเท้าผู้หญิง ผ้าคลุมไหล่ผู้หญิง สารเป็นเกล็ดสีขาวบรรจุในซองพลาสติกตกอยู่ ซึ่งหลักฐานทั้งหมดตำรวจเก็บไปตรวจสอบ โดยเฉพาะสารสีขาวจะส่งไปให้ห้องแล็บพิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ ส่วนจุดอื่นๆ ของบ้านซึ่งมี 3 ห้องนอน ถูกปิดล็อกแน่นหนา.-สำนักข่าไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งสอบเพิ่มคดี “ลันลาเบล” ก่อนขอหมายจับ
เรียกสอบด่วน “เจ้าของปาร์ตี้-เพื่อนลันลาเบล”
ปอท.ส่งผลตรวจกรณี”ลัลลาเบล”ให้ สน.บุคคโลแล้ว
พริตตี้ “ลันลาเบล” ตายเพราะพิษสุรา
ตำรวจเตรียมออกหมายจับ “น้ำอุ่น” 3 ข้อหา


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]