2 ต.ค.นี้ กทม.บิ๊กคลีนนิ่ง เส้นทางเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – 2 ต.ค.นี้ กทม.กำหนดบิ๊ก คลีนนิ่ง เส้นทางเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ปรับปรุงภูมิทัศน์สวนสันติชัยปราการและป้อมพระสุเมรุ 


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครครั้งที่ 18/2562 โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมและวางแผน ชั้น 35 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม.2 เขตดินแดง


ในที่ประชุมฯ สำนักงานเลขานุการปลัดกรุงเทพมหานคร ได้รายงานการดำเนินงานเตรียมความพร้อมงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค  เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในวันที่ 24 ต.ค.2562 เวลา 15.30 น. 

โดยเส้นทางเสด็จฯ เริ่มจากท่าวาสุกรีสิ้นสุดที่ท่าราชวรดิฐ 


โดยกำหนดจัดเตรียมสถานที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯสำหรับผู้มีตำแหน่ง  จำนวน  6 แห่ง ได้แก่ ท่าวาสุกรี  ท่าราชวรดิฐ  สวนสันติชัยปราการ สวนหลวงพระราม 8  ธนาคารแห่งประเทศไทย และศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย 

ส่วนสถานที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ของประชาชนทั่วไปได้จัดเตรียมไว้ 2 เส้นทาง สามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 36,150 คน ดังนี้ 1. เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตลอดแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยแบ่งพื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ เป็น 4 ส่วน รองรับประชาชน จำนวน 25,150 คน ประกอบด้วย พื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ บริเวณบ้านเรือนประชาชนและชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับประชาชนได้ประมาณ 360 คน ,  พื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ตามสถานที่และหน่วยงานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย สำนักงานกฤษฎีกา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อู่เรือธนาคารกรุงเทพ โรงพยาบาลศิริราชและกรมอู่ทหารเรือและ หอประชุม กองทัพเรือ รองรับข้าราชการและบุคลากรของหน่วยงาน ได้ประมาณ 4,000 คน พื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ของประชาชนที่เดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ (Walk-in) 

พื้นที่สาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครฯ เช่น สวนสันติชัยปราการ สวนนาคราภิรมย์ ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใต้สะพานพระราม 8 เป็นต้น รองรับประชาชน จำนวน 15,600 คน และพื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ตามสถานที่ของภาคเอกชน เช่น บริษัท ห้างร้าน ร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น ซึ่งอาจจะมีการจำหน่ายบัตรชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รองรับประชาชนได้จำนวน 5,180 คน 

2. เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จำนวน 11,000 คน เส้นทางเสด็จฯ จากพระที่นั่งอัมพรสถานไปยังท่าวาสุกรี และเส้นทางเสด็จฯ กลับจากท่าราชวรดิฐ ถึงพระลานพระราชวังดุสิต

สำหรับการปรับปรุงพื้นที่ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อจัดเป็นที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ โดยจัดสร้างพื้นยกระดับและอัฒจันทร์ จำนวน 6 แห่ง รองรับประชาชนได้ 10,700 คน ได้แก่ ใต้สะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) 4,000 คน สวนสันติชัยปราการ1,500 คน สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 1,000 คน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1,800 คน โรงพยาบาลศิริราช 100 คนและสวนนาคราภิรมย์  2,300 คน 

ทั้งนี้ มีการติดตั้งจอ LED พร้อมเครื่องขยายเสียง 18 จุด จำนวน 27 จอ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 1 จอ สวนสันติชัยปราการ 2 จอ สนามหลวง 4 จอ ลานจอดรถกองสลาก 1 จอ สวนนาคราภิรมย์ 2 จอ ใต้สะพานพระราม 8 2 จอ สวนหลวงพระราม 8 2 จอ สถานีรถไฟธนบุรี 1 จอ ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 1 จอ วัดระฆังโฆสิตาราม 1 จอ วัดอมรินทรารามวรวิหาร 1 จอ วัดกัลยาณมิตร 3 จอ ทำเนียบรัฐบาล 1 จอ กระทรวงศึกษาธิการ 1 จอ วัดโสมนัส 1 จอ ร.ร.สตรีวิทยา 1 จอ   ลานคนเมือง 1 จอ และป้อมมหากาฬ 1 จอ ในส่วนของการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน จุดบริการอาหาร และจุดบริการน้ำดื่ม  โดยสำนักพระราชวัง (สมาคมภัตตาคารไทย และสหฟาร์ม) และกรุงเทพมหานคร 

สำหรับบริการประชาชน กำหนดจัดเตรียมไว้จำนวน 6 จุด ได้แก่ วัดสามพระยา โดยสมาคมภัตตาคารไทย สนามหลวง โดยสมาคมภัตตาคารไทย และสหฟารม์ สวนนาคราภิรมย์ โดยสมาคมภัตตาคารไทยและสหฟารม์ วัดอมรคีรี โดยกรุงเทพมหานคร วัดอมรินทรารามวรวิหาร โดยสมาคมภัตตาคารไทย และวัดกัลยาณมิตร โดยสมาคมภัตตาคารไทย 

การให้บริการอาหารพระราชทาน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือจุดโรงครัวพระราชทาน 6 แห่ง และจุดบริการอาหาร 22 แห่ง โดยกำหนดเวลาให้บริการ 3 มื้อ มื้อเช้า เวลา 08.00-10.00 น. มื้อกลางวัน เวลา 12.00-14.00 น. และมื้อเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป กำหนดจุดบริการน้ำดื่ม ตามจุดรวมพลจุดเดินทางของประชาชน และตามสถานที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ จำนวน 44 จุด การให้บริการรถสุขาเคลื่อนที่ ประกอบด้วย รถสุขา 50 คัน ตู้สุขา 25 ตู้ ห้องสุขาของหน่วยงาน  33 จุด การบริการทางการแพทย์ จุดบริการทางการแพทย์ประจำที่ 33 จุด ชุดแพทย์เคลื่อนที่ โซนละ 20 ชุด โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักร่วมกับกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้หน่วยบริการทางการแพทย์ แบ่งพื้นที่การให้บริการเป็น 6 โซน ดังนี้ โซน 1 วชิรพยาบาล โซน 2 โรงพยาบาลนพรัตน์ฯ และโรงพยาบาลเลิดสิน โซน 3 โรงพยาบาลกลาง โซน 4 โรงพยาบาลราชวิถี โซน 5 โรงพยาบาลศิริราช และโซน 6 โรงพยาบาลตากสิน

การปรับปรุงภูมิทัศน์ ตลอดแนวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา การทำความสะอาดเขื่อนและอาคารริมแม่น้ำเจ้าพระยา การซ่อมแซมและติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง การประดับตกแต่งผ้าระบายและธงชาติ ธงอักษรพระปรมาภิไธย วปร. และธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก การประดับไฟบริเวณสะพานพระราม 8 การระดับไฟและปรับปรุงทาสีตามสถานที่ต่างๆ การตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับตามสถานที่เฝ้าฯ รับเสด็จ และเส้นทางเสด็จฯ มีแนวคิดประดับตกแต่ง ได้แก่ “สายน้ำแห่งพระบารมี ราชสดุดีรวมใจไทย” บริเวณท่าราชวรดิฐ สะพานพระราม 8 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลานมหาเจษฎาบดินทร์ กิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” Big Cleaning เส้นทางเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 62 โดยปรับปรุงภูมิทัศน์และทำความสะอาดเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี ถึงปากคลองบางกอกใหญ่ ระยะทาง 4,500 เมตร 

ทำความสะอาดพื้นที่ภายในสวนหลวง ร. 8 และพื้นที่ใต้สะพานพระราม 8 ซึ่งมีจิตอาสาทั้งจากกรุงเทพมหานคร และจิตอาสาหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมพัฒนาพื้นที่บริเวณทั้งสองฝั่งริมแม่น้ำ เจ้าพระยา โดยใช้กำลังพลจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสองวันรวม 5,270 คน นอกจากนี้กรุงเทพมหานครกำหนดจัดกิจกรรมจิตอาสา Big Cleaning วันที่ 2 ต.ค. 62 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนสันติชัยปราการและป้อมพระสุเมรุ โดยการขัดล้างทำความสะอาดลาน ทางเท้า และเก็บขยะวัชพืช ตัดแต่งกิ่งไม้ ขัดล้างเขื่อนและทางเท้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จากสวนสันติชัยปราการถึงสะพานพระปิ่นเกล้า ระยะทาง 600 ม.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]