กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมชลฯ ยืนยันฝายลำพะยังมั่นคงแข็งแรง สามารถกักเก็บน้ำ ใช้งานได้ปกติ
นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 กล่าวว่า ฝายกั้นลำน้ำลำพะยังบ้านจอมทอง ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อสร้างเสร็จเมื่อพฤษภาคม 2562 แล้วถ่ายโอนให้เทศบาลตำบลเหล่าใหญ่รับผิดชอบ ขณะนี้ถูกกระแสน้ำจากฝนที่ตกลงมาเป็นปริมาณมากจากอิทธิพลของพายุโพดุลและคาจิกิเกิดการกัดเซาะทางลำเลียงชั่วคราวที่ใช้สำหรับขนวัสดุในช่วงเริ่มก่อสร้างโครงการ บริเวณฝายกั้นลำน้ำลำพะยังฝั่งซ้าย
นายศักดิ์ศิริ กล่าวว่า ทางลำเลียงวัสดุก่อสร้างนี้ปกติต้องรื้อถอนออกหลังสร้างฝายเสร็จ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ขอความอนุเคราะห์ไว้ใช้สัญจรไปมา เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณด้านเหนือฝายกั้นน้ำลำพะยังปริมาณฝนตกสะสมมากกว่า 530 มิลลิเมตร เกิดน้ำหลากฉับพลันไหลผ่านฝายกั้นน้ำลำพะยังอัตราถึง 542.93 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เกินความจุลำน้ำและล้นตลิ่งข้ามทางลำเลียงชั่วคราวจนถูกน้ำกัดเซาะเสียหายความยาวประมาณ 50 เมตร และหินเรียงหน้าฝายทรุดตัวเป็นบางจุด ส่วนสาเหตุที่ดินลูกรังบริเวณคอสะพานเกิดการทรุดตัวนั้น เกิดจากมีผู้นำรถเข้ามาเกรดลูกรังบริเวณทุ่นหูฝายออกไปเป็นคันแนวทางเชื่อมเข้าที่นาใน ยืนยันว่า การทรุดตัวดังกล่าวไม่มีผลต่อโครงสร้างหลักและอาคารประกอบแต่อย่างใด
นายศักดิ์ศิริ กล่าวต่อว่า ได้ร่วมกับนายพงศักดิ์ แสบงบาล นายกเทศมนตรีตำบลเหล่าใหญ่ นายสุมิตร ปากแข็ง รองนายกเทศมนตรีตำบลเหล่าใหญ่ และราษฎรในพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ฝายแล้วพบว่า มีความแข็งแรง สามารถกักเก็บน้ำ และใช้งานได้ตามปกติ ส่วนผลกระทบจากน้ำหลากมีเพียงคอนกรีตเอ็นบริเวณท้ายฝายแตกและราวเหล็กล้มและหัก 1 แผง คาดว่าถูกกระแทกจากวัตถุแข็งที่ลอยมาตามน้ำ ขณะนี้ซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว
สำหรับแนวทางการแก้ไขฝายกั้นลำน้ำลำพะยังบ้านจอมทอง ซึ่งอยู่ในความดูแลของท้องถิ่นและประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์ ทางท้องถิ่นจะรายงานความเสียหายให้จังหวัดทราบ เพื่อจัดสรรงบประมาณในการซ่อมแซม ส่วนฝายกั้นลำน้ำลำพะยังบ้านพรหมสว่างยังไม่ได้ถ่ายโอน กรมชลประทานได้อนุมัติแผนงานซ่อมแซมหลังอุทกภัยปี 2562 เพื่อดำเนินการซ่อมแซมต่อไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย