กรุงเทพฯ 21 ก.ย.-“หมอระวี” ชี้ ปัญหาหมอกควันภาคใต้ต้องเร่งแก้ไข แนะ ตั้งคณะทำงานบูรณาการติดตามสภาพอากาศทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน PM 2.5
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ เปิดเผยว่า ตนมีความเป็นห่วงต่อปัญหาหมอกควันจากอินโดนีเซีย ที่ส่งผลกระทบในภาคใต้ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตฝุ่นควันและฝุ่นละอองพิษ ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีคณะทำงานที่บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลปัญหานี้เป็นการเฉพาะ เพื่อติดตามสภาพอากาศทั่วประเทศไทย และ ประเทศเพื่อนบ้าน และเดินหน้าศึกษามาตรการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนแบบต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด PM2.5 ไม่ใช่รอให้เกิดแล้วค่อยมาแจกหน้ากากอนามัย เพราะเป็นเรื่องปลายเหตุ
นพ.ระวี กล่าวว่า ปัญหานี้ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และกระทบการท่องเที่ยวของประเทศ เบื้องต้นการตื่นตัวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งเปิดช่องทางโซเชียล เพื่อให้ประชาชนติดตามข่าวสาร และการป้องกันตัวเองจากฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 กำลังกลายเป็นปัญหาถาวรในหลายพื้นที่ ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ขณะที่รัฐบาลตามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หลังวิกฤตจบลงก็เลิกไปเหมือนไฟไหม้ฟาง
“ในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนในปลายปีนี้ ผมขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำการบูรณาการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการเผาป่ามาก เช่น อินโดนีเซีย พม่า ลาว เพราะอีกไม่นานก็จะวนเข้าสู่ปัญหาหมอกควันภาคเหนือที่เกิดขึ้นทุกปี ถ้าเรามีการเตรียมการรับมือแต่เนิ่น ๆ มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพรับมือแบบทั้งระบบ จะทำให้การบริหารจัดการปัญหาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงควรตั้งคณะทำงานรับมือวิกฤต PM 2.5 แบบถาวร แทนที่จะปล่อยให้แต่ละหน่วยงานไปจัดการปัญหากันเอง” นพ.ระวี กล่าว.-สำนักข่าวไทย