กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – ผลการศึกษาทางวิชาการ เสนอรัฐบาลไทยควรลงทุนมีสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve – SPR) รอ รมว.พลังงาน ชี้ขาด ต้นทุนสูงกระทบราคาน้ำมัน
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ได้เสนอรายงานการศึกษาเรื่องการสำรองน้ำมันของประเทศที่สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศึกษาเสร็จสิ้น เสนอต่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน หลังจากนี้คงจะรอนโยบายว่าจะปรับสำรองน้ำมันของประเทศหรือไม่อย่างไร จากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันเสนอให้ปรับลดสำรองน้ำมันดิบเหลือร้อยละ 5 ในขณะที่สำรองน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 6
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การศึกษาเบื้องต้นได้พิจารณาถึงความมั่นคงด้านพลังงาน มีข้อเสนอให้ประเทศไทยมีสำรองทั้งภาครัฐ ในรูปแบบสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ราว 50 วัน และให้ปรับสำรองของภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้นด้วย โดยจะต้องลงทุนในมูลค่าสูงมาก อย่างไรก็ตามทางภาครัฐคงจะต้องดูถึงความเหมาะสม เพราะหากลงทุนสูงก็จะมีผลต่อราคาน้ำมันให้สูงขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันแหล่งน้ำมันทั่วโลกมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากแหล่งสหรัฐและกลุ่มนอกโอเปก ที่ไม่ต้องพึ่งพาจากแหล่งตะวันออกกลางเป็นหลักเหมือนในอดีต และปริมาณน้ำมันดิบมีเกินความต้องการ ดังนั้น สำรองก็อาจจะไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยจะเห็นได้ว่า กรณีเกิดเหตุโจมตีซาอุดีอาระเบีย พบว่าราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก และไทยก็มีสำรองน้ำมันทั้งทางกฏหมายและการค้ารวมได้ถึง 54 วัน
“สำรองน้ำมันของไทยจะปรับอย่างไร ต้องรองโยบาย รมว.พลังงาน ซึ่งจากเหตุการณ์ ซาอุดีอาระเบีย ก็จะเห็นได้ว่า ตลาดกังวลชั่วคราว และวานนี้ (17 กย. )ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลงกว่าร้อยละ 6” อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าว
บมจ.ไทยออย์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ ที่ลดลง เกิดจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย เผยว่าซาอุดิอาระเบียสามารถกลับมาผลิตน้ำมันดิบได้ตามปกติอีกครั้งภายในสิ้นเดือนนี้ หลังเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในเมือง Abqaiq และ Khurais เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15-20 ภายในสองวันที่ผ่านมา และ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดิอาระเบียแจ้งโรงกลั่นในเอเชีย 6 แห่งและอินเดีย 3 แห่ง ว่าตนยังคงสามารถส่งมอบน้ำมันดิบเดือน ต.ค.ได้ตามปกติ เนื่องจากมีน้ำมันดิบคงคลังเพียงพอ แม้ว่าจะมีบางรายที่อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันดิบบางส่วนจากชนิดเบาไปเป็นชนิดที่หนักขึ้น
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ยังเปิดเผยด้วยว่า ธพ. ได้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ระหว่างกรมธุรกิจพลังงานกับผู้ทดสอบและตรวจสอบ ผู้ฝึกอบรม และวิศวกรออกแบบตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ตามหลักธรรมาภิบาลของแต่ละภาคส่วนได้ถูกต้องตรงตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นไปตาม ภารกิจของกรมฯ ที่จะกำกับดูแลกิจการพลังงานในการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย มีความมั่นคง และก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น การเก็บรักษา การขนส่ง การใช้ การจำหน่าย การแบ่งบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำมันทั่วโลกในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มสำรองน้ำมัน แต่ไทยจำเป็นต้อง มี SPR หรือไม่ คงต้องศึกษาความเหมาะสม เพราะทั่วโลกก็มีเช่นกันและส่วนใหญ่มีราว 50 วัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานมีการเตรียมพร้อมรับมือ สถานการณ์มีแผนปฏิบัติที่ชัดเจน และเตรียมซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานทุกปี และเมื่อเกิดเหตุโจมจีซาอิอาระเบีย ดังนั้น ตนจึงเร่งให้ซ้อมแผนเร็วขึ้น โดยจะมีการจัดประชุมซ้อมแผนพรุ่งนี้ (19 ก.พ.)ที่กระทรวงพลังงาน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และด้านความมั่นคงเข้าร่วม . – สำนักข่าวไทย