รัฐสภา 18 ก.ย.-“ปิยบุตร” ตั้งคำถาม “พล.อ.ประยุทธ์” ปมถวายสัตย์ 4 ข้อ ชี้ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออก ระบุร่างรัฐธรรมนูญแต่กลับทำผิดเอง ย้ำไม่ต้องการล้มรัฐบาลแต่ต้องการหาทางแก้ไข
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายถึงเหตุผลที่เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญ และส่งผลต่อความสมบูรณ์ของการถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำให้คณะรัฐมนตรียังไม่สามารถเข้ารับหน้าที่ได้ ดังนั้นต้องหาทางแก้ไขให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้รับโอกาสให้อภิปรายชี้แจงมากพอ และนายกรัฐมนตรีไม่ตอบให้กระจ่าง จนประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เตือนว่าหากจะอภิปรายเรื่องนี้ เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง ผู้พูดต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนในฐานะผู้เปิดประเด็น พร้อมรับผิดชอบอย่างแน่นอน แต่ไม่มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผู้กล่าวนำการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดจะกล้ารับผิดชอบในการกระทำของตนเองบ้างหรือไม่
นายปิยบุตร กล่าวว่า หากวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ปัญหาต่าง ๆ คงไม่ยุ่งยากเท่ากับขณะนี้ และสามารถหาทางแก้ไขได้ทัน เช่น หยุดการแถลงนโยบายในรัฐสภาไว้ก่อน ทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ให้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงกลับมาแถลงนโยบายและเข้ารับหน้าที่อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีนิ่งเงียบ ไม่ชี้แจง จนผ่านไปสองสัปดาห์ จึงออกมายอมรับอย่างชัดแจ้ง ปัญหาทางกฎหมายที่จะตามมา ก็พัวพันอีรุงตุงนังไปหมด เพราะคณะรัฐมนตรี ได้เข้ารับหน้าที่ ใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ออกมติ ครม.แล้วหลายเรื่อง
“ผมได้ศึกษาวิชากฎหมาย รัฐธรรมนูญมาค่อนชีวิต เรียนและใช้วิชานี้ประกอบอาชีพเป็นอาจารย์ ทราบดีว่าทุกองค์กร ต้องมีการถวายสัตย์ และถ้อยคำถวายสัตย์จะลงท้ายเหมือนกันหมดว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” เมื่อทราบเรื่องก็ตรวจสอบข้อมูลอีกหลายทาง เพราะงงและสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำแบบนั้นได้อย่างไร เช็คแล้วเช็คอีกว่าโดนวางยาหรือไม่ จึงตั้งใจสอบถามในวันแถลงนโยบายว่าผิดพลาด บกพร่องเพราะอะไร จะได้ร่วมหาทางแก้ไขปัญหากัน ซึ่งเจตนาของตนมีเพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดจะล้มรัฐบาล เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ฝ่ายค้านจึงเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวันนี้” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ในขณะนี้นายกรัฐมนตรีมี 2 โรค คือ โรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญ เพราะพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีแสดงให้ประชาชนเห็นว่าไม่แยแสรัฐธรรมนูญ จากข้อความที่กล่าวคำปฏิญาณไม่ครบ ทำให้ประชาชนสงสัยว่าจะไม่รักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 รัฐบาลเป็นผู้ร่างมา แต่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ จนถูกชาวเน็ตตั้งฉายาว่าเป็น “บิดาแห่งข้อยกเว้น” สวนอีกโรค คือ โรคไม่รับผิดชอบ ซึ่งจากข่าวนายกรัฐมนตรีออกมายอมรับว่ากล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบ แต่ยังไม่เห็นความรับผิดชอบใด ไม่ว่าจะทางกฎหมาย หรือทางการเมือง คือ การลาออก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ
ทั้งนี้ นายปิยบุตร ตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรี 4 ข้อ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ได้เตรียมข้อความการถวายสัตย์มาเองในกระดาษแข็งที่เสียบไว้อยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านข้างใช่หรือไม่ เขียนข้อความการถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ที่ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญลงไปใช่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่อ่านจากกระดาษแข็ง ใส่แฟ้มจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเตรียมมาให้ ทั้ง ๆ ที่ในการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนหน้านั้นทั้ง 5 ครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็อ่านจากแฟ้มและถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
นายปิยบุตร กล่าวว่า 2.หากมีรัฐมนตรีคนในคนหนึ่งลาออก มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใหม่รับตำแหน่งแทน หาก พล.อ.ประยุทธ์ นำรัฐมนตรีคนใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 161 หรือไม่ หรือจะอ่านในแบบที่อ่านเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 3.หากรัฐมนตรีคนอื่นกล่าวถ้อยคำในการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 นายกรัฐมนตรีเห็นว่าทำได้หรือไม่ และ 4.ถามไปยัง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาแล้วหลายรัฐบาล เคยเห็นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาทำแบบ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และทำได้หรือไม่
นายปิยบุตร กล่าวทิ้งท้าย โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออก และเรียกร้อง นายวิษณุ ให้ยุติการช่วยเหลือทางกฎหมาย และกลับมาเป็นนายวิษณุ คนเดิม.-สำนักข่าวไทย