สุรินทร์ 12 ก.ย.-เมรุเผาศพงดงามที่สุดในไทย สร้างด้วยงบศรัทธากว่า 14 ล้านบาท พระหนุ่มนักพัฒนาออกแบบเอง หวังเป็นกุศโลบายธรรมไม่ให้คนกลัวความตาย เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา อย่าประมาทกับความตาย
ผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์ ทราบข่าวจากชาวบ้านว่าพบเมรุเผาศพที่วัดแห่งหนึ่ง มีลวดลายที่วิจิตรงดงาม และมีสีทองเหลืองอร่ามทั้งเมรุ ซึ่งหาดูได้ยากและแตกต่างจากเมรุเผาศพของวัดทั่วๆไปเป็นอย่างมาก และแทบมองไม่ออกว่าเป็นเมรุเผาศพ เพราะเหลืองอร่ามไปทั้งหมด ชาวบ้านที่ไปทำบุญส่วนใหญ่เมื่อไปถึงก็ต้องเดินไปชมความสวยงามของเมรุแห่งนี้ก่อนเป็นอันดับแรก โดยทราบว่าเมรุเผาศพดังกล่าว ตั้งอยู่ที่วัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินชมความวิจิตรงดงามของเมรุเผาศพ และต่างถึงกับทึ่งกับลวดลายไทยต่างๆที่ประดับไปทั่วทั้งองค์เมรุเผาศพ อย่างวิจิตรงดงามและเหลืองอร่าม ตั้งอยู่ติดกับบรรยากาศกลางทุ่งนา โดยตั้งแต่ฐานเมรุไปจนถึงยอดเมรุ บริเวณโดยรอบประกอบด้วยลายไทยสวยสดงดงามวิจิตร และประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว องค์เทวดา ยืนถือพุ่ม หอกและดาบ อยู่รอบเมรุทั้ง 4 ทิศ ซึ่งมีความสง่างามยิ่งนัก รวมทั้งเทวดาที่นั่งเชิญฉัตร เรียงรายอยู่ตามราวบันได้ขึ้นเมรุที่สวยงามทั้ง 4 ทิศ และยังมีสัตว์หิมพานต์และพญานาคต่างๆประดับรอบตัวเมรุทั้งด้านบนและด้านล่าง ทั้ง 4 ทิศอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีศาลาธรรมมาศน์ ทั้ง 4 ทิศ มีหลังคาเป็นซุ้มไล่ระดับ 4 ชั้น ที่สวยงาม เพื่อให้พระสงฆ์ได้ขึ้นประกอบพิธีบนเมรุอีกด้วย
ทั้งหมดเป็นการออกแบบของหลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล ที่ออกแบบลวดลายประยุกต์รูปแบบของเมรุต่างๆโดยไม่ได้ใช้นักออกแบบมืออาชีพมาจากไหน เกิดจากการได้เห็นแบบจากที่ต่างๆแล้วนำมาประยุกต์สร้างขึ้นเอง โดยใช้แรงงานชาวบ้านและพระสงฆ์และช่างในพื้นที่ ด้วยงบประมาณสร้าง 14 ล้านกว่าบาท และเป็นงบที่ทางญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธาในตัวหลวงพ่ออยู่แล้ว ช่วยกันสมทบทุนสร้าง และตั้งแต่สร้างเสร็จพบว่ามีประชาชนที่เข้ามาทำบุญจากทั่วสารทิศและต่างจังหวัด เมื่อมาถึงวัด อันดับแรกกจะต้องเดินไปดูความสวยงามวิจิตรอลังการของเมรุเผาศพแห่งเป็นอันดับแรก ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
นายตรี สังข์ลาย ประธานสภา อบต.ตาอ็อง ซึ่งเป็นผู้ช่วยสร้างเมรุและกุฏิวัดสังข์มงคล กล่าวว่าที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมศิลปากร คณะศึกษาดูงานต่างๆรวมทั้งประชาชนทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดที่เดินทางมาดูต่างก็บอกว่าเป็นเมรุที่ใหญ่และสวยที่สุดในประเทศ เพราะมีศิลปะลวดลายที่สวยงาม ส่วนงบประมาณพุทธศาสนิกชนบริจาคช่วยกันทั้งหมด หลวงพ่อเป็นนักพัฒนาตัวจริงได้จตุปัจจัยมาท่านจะไม่อยู่นิ่ง จะทำตลอด ท่านไม่เก็บไว้ ส่วนที่มีคนว่าห้ามชมเมรุว่าสวย ถ้าชมจะเสียชีวิต ตามโบราณเขาว่าอย่างนั้น แต่ทุกวันนี้อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรคงที่ มีการเปลี่ยนแปลงตลอด
หลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล กล่าวว่า เมรุดังกล่าว สร้างเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2560 เสร็จวันที่ 10 ก.พ. 2562 รวมระยะเวลาสร้าง 2 ปีพอดี และทำบุญฉลอง วันที่ 29-30 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา เป็นเมรุที่ใช้ประจุไฟฟ้าเผาน้ำมัน ส่วนปล่องควันก็มี เราจะซ่อนไว้ 2 ปล่อง มองเผินๆก็จะไม่เห็น ส่วนช่างก็จะเป็นชาวบ้านในชุมชนเราเอง ทั้งโยมทั้งพระช่วยกันสร้างคนละไม้ละมือ ส่วนลวดลายก็ได้ช่างทำลายมาจาก จ.บุรีรัมย์ ใช้งบประมาณ 14 ล้านบาท เรามีช่างแถวบ้านพอช่วยกันทำบ้าง จ้างรายวันบ้าง ซื้อของเอง จึงถูกลงมา ชาวบ้านมาเห็นก็ว่าสวย ส่วนมากจะมาดูเมรุก่อนจะมากราบหลวงพ่อทีหลัง เป็นกุศโลบายไม่ให้คนกลัว ส่วนการถือเคล็ดของชาวบ้านที่ว่า ถ้าเห็นเมรุสวย อย่าชมว่าสวย เพราะอาจมีอันเป็นไป ก็อย่าถือมาก ถือมากก็หนักมาก ชาวบ้านอยากให้ทำเมรุก็เลยทำ มีทุนอยู่ 50,000 บาท จากนั้นก็ตอกเสาเข็ม พอลูกหลาน ญาติโยมมาเห็น เขาก็ช่วยกันเรื่อยๆมา โดยไม่ต้องทำผ้าป่าเลย ใครมาเห็นก็ช่วย มาช่วยด้วยศรัทธาจริงๆ และไม่มีการแจกซองสร้าง คนเราไม่มีความสุข ก็เพราะความกลัว กลัวอด กลัวอยาก กลัวจน กลัวตาย ตามจริงแล้วมันมีมาก็มีผ่านไปเป็นธรรมดา นอกจากนี้ ปีหน้าก็กำลังคิดจะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม บวชพราหมณ์ตลอดทั้งปี กำลังหางบประมาณซื้อที่นาข้างๆวัดต่อ เราไม่ได้โชว์แค่ของสวย เราต้องใช้ธรรมมะปฏิบัติสอนญาติโยมตามหลักพระพุทธศาสนาด้วย
สำหรับหลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล เคยเป็นกระแสข่าวดังเมื่อปีที่แล้ว ที่ปลงผมกลายเป็นผลึกธาตุในช่วงวันพระ จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วประเทศมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย