กระทรวงแรงงาน 9 ส.ค.-ก.แรงงาน เผยญี่ปุ่นปรับเกณฑ์ประสบการณ์กุ๊กไทยจาก 10 ปีเหลือ 5 ปีส่งผลดีต่อแรงงานไทย เพราะร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นมีถึง 700 แห่ง ยังต้องการกุ๊กไทยอีกมาก
นายธีรพล ขุนเมือง โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รมว.แรงงาน ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกรมการจัดหางานและกรมพัฒนาฝีมือแรงงานบูรณาการเพื่อส่งเสริมกุ๊กไทยไปทำงานต่างประเทศให้มากขึ้นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเน้นย้ำมาตรฐานรสชาติอาหารที่คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ซึ่งด้านกรมการจัดหางานมีการดูแลทั้งปริมาณความต้องการและการเดินทางไปทำงาน ทั้งระบบ โดยเฉพาะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและอำนวยความสะดวกในทุกด้านด้วย เพราะในแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขการเดินทางไปทำงาน ที่แตกต่างกัน
โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศที่นิยมไปทำงานมากที่สุด 10 ลำดับแรก คือญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงค์โปร์ อังกฤษ นิวซีแลนด์ เกาหลี อิสราเอล เยอรมัน มาเลเซีย และสวีเดน โดยในปี 2558 สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น มีการรับรองเอกสารสัญญาจ้างผู้ปรุงอาหารไทยแล้ว จำนวน 110 คน และในปี 2559 ตั้งแต่ ต.ค.2558 – มิ.ย. 2559 ไปทำงานแล้ว 86 คน
ส่วนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ได้มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ประกอบอาหารไทยเพื่อมุ่งเน้นพัฒนาทักษะทั้งด้านบริการและมาตรฐานของรสชาตินั้นจะต้องเน้นการฝึกทักษะเรื่องภาษาให้สามารถสื่อสารกับนายจ้างให้เข้าใจกันด้วย
นายธีรพล เปิดเผยด้วยว่า รมว.แรงงงาน มอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงเป็นเจ้าภาพหลัก หารือทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การเดินทางไปทำงานของกุ๊กไทยในแต่ละประเทศ มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งบางประเทศไม่ได้กำหนดประสบการณ์ แต่บางประเทศกำหนดประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นจากเดิมผู้เดินทางไปทำงานพ่อครัว–แม่ครัว (กุ๊ก) จะต้องมีประสบการณ์ 10 ปี แต่ปัจจุบันก็ได้ปรับลดให้เหลือ 5 ปีแล้ว และต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ1ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อแรงงานไทยเป็นอย่างมาก
สำหรับร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นมีประมาณ 700 แห่ง ยังมีความต้องการกุ๊กไทยอีกจำนวนมาก มีรายได้เดือนละประมาณ 150,000 – 210,000 เยน(ญี่ปุ่น) พร้อมมีสวัสดิการตามข้อตกลงและค่าล่วงเวลา นอกจากนั้นในญี่ปุ่นยังมีการสอนการประกอบอาหารไทย โดยอาจารย์ชนม์สิตา ดำรงค์ถิระรัตน์ ผู้เขียนหนังสือ “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาหารไทย” ณ สถาบันวัฒนธรรมไทยศึกษา กรุงโตเกียวด้วย .-สำนักข่าวไทย