ครอบครัวทารกวัย 5 เดือน พบ ตร. ยันไม่ได้ขายเด็กลงโซเชียล แค่หาคนดูแลเพราะแม่พิการ

ประจวบฯ 11 ก.ย.-ครอบครัวเด็กทารกวัย 5 เดือน ที่ปรากฏภาพในเพจขอรับอุปการะเด็กผ่านเฟซบุ๊ก เข้าพบตำรวจ ยืนยันไม่ได้ขายเด็กลงโซเชียล แต่เคยติดต่อเพจเพื่อหาคนอุปการะ เพราะแม่เด็กพิการ ข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปไม่เป็นความจริง คาดมีการบิดเบือนข้อมูล

หลังสื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพเพจเฟซบุ๊กประกาศขออุปการะเด็กทารก จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เด็ก และอาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยมีข้อมูลพร้อมรูปภาพของเด็กทารกคนหนึ่ง ระบุพิกัดว่าเด็กอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบครอบครัวของเด็กทารกที่ปรากฏภาพ พบครอบครัวของเด็กทารกวัย 5 เดือน เดินทางมาขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.หัวหิน ประกอบด้วย แม่ของเด็กทารก อายุ 22 ปี พิการเป็นไบ้และหูหนวก พร้อมญาติ คือนายหิน อายุ 35 ปี นางทราย อายุ 31 ปี ผู้ดูแลเด็กคนดังกล่าวตั้งแต่เริกเกิด เนื่องจากพ่อของเด็กต้องโทษอยู่ในเรือนจำ หลังทางครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มีคนโทรศัพท์มาด่าทอ และชาวเน็ตต่างคอมเมนต์ด่า จึงต้องเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความเป็นธรรม เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปไม่เป็นความจริง มีการบิดเบือนข้อมูล


นายหิน อาของเด็กทารกคนดังกล่าว เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกเพจเฟชบุ๊กนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้ประกาศขายหลานชายวัย 5 เดือน เพียงแต่ติดต่อกับเจ้าของเพจเพื่อหาคนมาอุปการะหลานชาย ทางครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูไหว เนื่องจากแม่ของเด็กพิการเป็นใบ้และหูหนวก ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ก็เป็นภาระอยู่แล้ว ขณะเดียวกันป้าที่ดูแลเด็กทารกคนนี้มาตั้งแต่เกิดก็มีลูกที่ต้องดูแลอยู่แล้ว 7 คน และกำลังตั้งท้องอีกคน จึงเป็นภาระที่หนัก

ทั้งนี้ อยากให้เด็กมีอนาคตที่ดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยทางเพจแจ้งว่าขอเบอร์โทรศัพท์และรูปถ่ายของเด็กทารก เพื่อนำไปประกาศขอคนที่มีความพร้อมที่ต้องการรับเด็กไปอุปการะ จากนั้นไม่นานก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายคน ตนและป้าของเด็กได้ช่วยกันเลือกจนเหลือ 4 คนที่คิดว่าเหมาะสม แต่ยังไม่ตัดสินใจ ล่าสุดได้มาพบดาบตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเป็นญาติห่างๆ เมื่อทราบข่าวได้มาขอพบเด็กและถูกชะตา ไปมาหาสู่ ซื้อนมมาให้เด็กเป็นประจำ ตนเห็นว่าดาบตำรวจท่านนี้อุปนิสัยดี มีความพร้อมในทุกด้าน รักเด็ก อีกทั้งอยู่ไม่ไกล สามารถไปมาหาสู่กันได้ จึงตัดสินใจเจรจาเพื่อทำเรื่องขอรับรองเด็กไปอุปการะ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสารจะไปดำเนินการกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ถูกต้อง ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีการซื้อขายเด็กทารกอย่างแน่นอน


สำหรับสาเหตุที่เกิดเป็นประเด็นขึ้นมาครั้งนี้ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากที่ตนไปมีปากเสียงกับคนที่ต้องการเด็กรายหนึ่งเข้า หลังจากเขาทราบว่าตนตัดสินใจจะยกเด็กให้กับดาบตำรวจ ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ คิดว่าดาบตำรวจรายนี้เจรจาให้เงินมากกว่า อาจจะนำเรื่องไปบิดเบือนข้อมูล

ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผย ได้สั่งการให้ผู้กำกับการ สภ.หัวหิน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เชื่อได้ว่ากรณีนี้เป็นความเข้าใจผิด ไม่มีการซื้อขายเด็กทารกอย่างที่ปรากฏข้อมูลในสื่อออนไลน์ แต่เป็นความยินยอมของครอบครัวที่ต้องการจะให้เด็กได้ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่มีความพร้อมทุกด้าน และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมขออนุญาตรับรองบุตรบุญธรรม ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลขึ้นสื่อโซเซียลจนก่อให้เกิดการตื่นตระหนกและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างในครั้งนี้ เบื้องต้นผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะถือว่าเป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จขึ้นสื่อออนไลน์ จนก่อให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมเสียชื่อเสียง หากทางครอบครัวผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์หรือผู้แชร์เรื่องดังกล่าวก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้เสียหาย

ด้านนางสุภัชชา สุทธิพล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุ พม. โดยศูนย์ช่วยเหลือสังคม ประสานกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ตรวจสอบเท็จจริง หากพบการซื้อขายทารกเกิดขึ้นจริงถือว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ซึ่งในส่วนของ พม. พร้อมให้ความคุ้มครองเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

พม.ยังบอกด้วยว่า ผู้ซื้อผู้ขายจะเข้าข่ายการกระทำผิดในประเด็นใดต้องดูเจตนาด้วย เช่น ผู้รับเข้าข่ายแสวงหาประโยชน์ หรือรับไปเพื่อต้องการอุปการะเลี้ยงดูอย่างดี แต่แม้เป็นการรับไปเลี้ยงดู พม. ก็ต้องเข้าไปคุ้มครอง และนำเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง เช่น ให้ดำเนินการรับเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้แจ้งสายด่วน พม.1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านพันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ระบุกำลังตรวจสอบว่าเพจมีเนื้อหาหลอกลวงหรือกระทำความผิดขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หรือไม่ เพราะโพสต์ซื้อขายทารก กระทบกับความรู้สึกคนจำนวนมาก กำลังเร่งประสาน ปคม. เพื่อขอข้อมูล


ขณะที่พันตำรวจเอกมานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) บอกว่า เนื่องจากแหล่งที่มาที่ไปของข่าวยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเพจเฟซบุ๊กต้นเรื่องได้ปิดไปแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งหาเบาะแสว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก และจะกลายเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สะเทือนสังคม อย่างไรก็ตาม ติงกรณีไม่ควรนำรูปเด็กและเฟซบุ๊กต้นเรื่องไปแชร์ซ้ำในโซเชียล เพราะอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”