ครอบครัวทารกวัย 5 เดือน พบ ตร. ยันไม่ได้ขายเด็กลงโซเชียล แค่หาคนดูแลเพราะแม่พิการ

ประจวบฯ 11 ก.ย.-ครอบครัวเด็กทารกวัย 5 เดือน ที่ปรากฏภาพในเพจขอรับอุปการะเด็กผ่านเฟซบุ๊ก เข้าพบตำรวจ ยืนยันไม่ได้ขายเด็กลงโซเชียล แต่เคยติดต่อเพจเพื่อหาคนอุปการะ เพราะแม่เด็กพิการ ข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปไม่เป็นความจริง คาดมีการบิดเบือนข้อมูล

หลังสื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพเพจเฟซบุ๊กประกาศขออุปการะเด็กทารก จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เด็ก และอาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยมีข้อมูลพร้อมรูปภาพของเด็กทารกคนหนึ่ง ระบุพิกัดว่าเด็กอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบครอบครัวของเด็กทารกที่ปรากฏภาพ พบครอบครัวของเด็กทารกวัย 5 เดือน เดินทางมาขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.หัวหิน ประกอบด้วย แม่ของเด็กทารก อายุ 22 ปี พิการเป็นไบ้และหูหนวก พร้อมญาติ คือนายหิน อายุ 35 ปี นางทราย อายุ 31 ปี ผู้ดูแลเด็กคนดังกล่าวตั้งแต่เริกเกิด เนื่องจากพ่อของเด็กต้องโทษอยู่ในเรือนจำ หลังทางครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มีคนโทรศัพท์มาด่าทอ และชาวเน็ตต่างคอมเมนต์ด่า จึงต้องเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความเป็นธรรม เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปไม่เป็นความจริง มีการบิดเบือนข้อมูล


นายหิน อาของเด็กทารกคนดังกล่าว เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกเพจเฟชบุ๊กนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้ประกาศขายหลานชายวัย 5 เดือน เพียงแต่ติดต่อกับเจ้าของเพจเพื่อหาคนมาอุปการะหลานชาย ทางครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูไหว เนื่องจากแม่ของเด็กพิการเป็นใบ้และหูหนวก ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ก็เป็นภาระอยู่แล้ว ขณะเดียวกันป้าที่ดูแลเด็กทารกคนนี้มาตั้งแต่เกิดก็มีลูกที่ต้องดูแลอยู่แล้ว 7 คน และกำลังตั้งท้องอีกคน จึงเป็นภาระที่หนัก

ทั้งนี้ อยากให้เด็กมีอนาคตที่ดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยทางเพจแจ้งว่าขอเบอร์โทรศัพท์และรูปถ่ายของเด็กทารก เพื่อนำไปประกาศขอคนที่มีความพร้อมที่ต้องการรับเด็กไปอุปการะ จากนั้นไม่นานก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายคน ตนและป้าของเด็กได้ช่วยกันเลือกจนเหลือ 4 คนที่คิดว่าเหมาะสม แต่ยังไม่ตัดสินใจ ล่าสุดได้มาพบดาบตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเป็นญาติห่างๆ เมื่อทราบข่าวได้มาขอพบเด็กและถูกชะตา ไปมาหาสู่ ซื้อนมมาให้เด็กเป็นประจำ ตนเห็นว่าดาบตำรวจท่านนี้อุปนิสัยดี มีความพร้อมในทุกด้าน รักเด็ก อีกทั้งอยู่ไม่ไกล สามารถไปมาหาสู่กันได้ จึงตัดสินใจเจรจาเพื่อทำเรื่องขอรับรองเด็กไปอุปการะ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสารจะไปดำเนินการกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ถูกต้อง ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีการซื้อขายเด็กทารกอย่างแน่นอน


สำหรับสาเหตุที่เกิดเป็นประเด็นขึ้นมาครั้งนี้ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากที่ตนไปมีปากเสียงกับคนที่ต้องการเด็กรายหนึ่งเข้า หลังจากเขาทราบว่าตนตัดสินใจจะยกเด็กให้กับดาบตำรวจ ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ คิดว่าดาบตำรวจรายนี้เจรจาให้เงินมากกว่า อาจจะนำเรื่องไปบิดเบือนข้อมูล

ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผย ได้สั่งการให้ผู้กำกับการ สภ.หัวหิน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เชื่อได้ว่ากรณีนี้เป็นความเข้าใจผิด ไม่มีการซื้อขายเด็กทารกอย่างที่ปรากฏข้อมูลในสื่อออนไลน์ แต่เป็นความยินยอมของครอบครัวที่ต้องการจะให้เด็กได้ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่มีความพร้อมทุกด้าน และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมขออนุญาตรับรองบุตรบุญธรรม ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลขึ้นสื่อโซเซียลจนก่อให้เกิดการตื่นตระหนกและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างในครั้งนี้ เบื้องต้นผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะถือว่าเป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จขึ้นสื่อออนไลน์ จนก่อให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมเสียชื่อเสียง หากทางครอบครัวผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์หรือผู้แชร์เรื่องดังกล่าวก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้เสียหาย

ด้านนางสุภัชชา สุทธิพล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุ พม. โดยศูนย์ช่วยเหลือสังคม ประสานกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ตรวจสอบเท็จจริง หากพบการซื้อขายทารกเกิดขึ้นจริงถือว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ซึ่งในส่วนของ พม. พร้อมให้ความคุ้มครองเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

พม.ยังบอกด้วยว่า ผู้ซื้อผู้ขายจะเข้าข่ายการกระทำผิดในประเด็นใดต้องดูเจตนาด้วย เช่น ผู้รับเข้าข่ายแสวงหาประโยชน์ หรือรับไปเพื่อต้องการอุปการะเลี้ยงดูอย่างดี แต่แม้เป็นการรับไปเลี้ยงดู พม. ก็ต้องเข้าไปคุ้มครอง และนำเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง เช่น ให้ดำเนินการรับเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้แจ้งสายด่วน พม.1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านพันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ระบุกำลังตรวจสอบว่าเพจมีเนื้อหาหลอกลวงหรือกระทำความผิดขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หรือไม่ เพราะโพสต์ซื้อขายทารก กระทบกับความรู้สึกคนจำนวนมาก กำลังเร่งประสาน ปคม. เพื่อขอข้อมูล


ขณะที่พันตำรวจเอกมานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) บอกว่า เนื่องจากแหล่งที่มาที่ไปของข่าวยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเพจเฟซบุ๊กต้นเรื่องได้ปิดไปแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งหาเบาะแสว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก และจะกลายเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สะเทือนสังคม อย่างไรก็ตาม ติงกรณีไม่ควรนำรูปเด็กและเฟซบุ๊กต้นเรื่องไปแชร์ซ้ำในโซเชียล เพราะอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย