กทม.10 ก.ย.-“สิตางค์” ควง “ลีน่าจัง” แจ้ง ปอท.โดนมือดีเอารูป “สิตางค์” ไปปลอมเฟซบุ๊กก่อนไปโจมตีเพจ “ข่าวโหด” ของลีน่าจัง ขณะไลฟ์
นางลีนา จังจรรจา อายุ 60 ปี พร้อมนายสิตางค์ บัวทอง สาวประเภทสอง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามในโลกโซเชียลจำนวนมาก เข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท. ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ขณะลีน่าจัง ไลฟ์ผ่านเพจ”ข่าวโหด”มีคนใช้ภาพ นายสิตางค์ เป็นโปรไฟล์เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงตำหนิด่าว่าให้เสียหาย ซึ่งนายสิตางค์ ระบุสาเหตุที่มาพบตำรวจ ปอท. เพราะมีผู้เฟซบุ๊คชื่อ Peak Roger เอารูปของตนไปทำโปรไฟล์ แล้วต่อมาได้เข้าไปแสดงความเห็นขณะที่ลีน่าจัง กำลังไลฟ์สด ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าตนไปด่าทอลีน่าจัง จึงมาเพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในขบวนการเดียวกับผู้เฟซบุ๊คชื่อ Peak Roger
ด้านลีน่าจัง ระบุว่า สืบเนื่องจากเคยแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท เมื่อ 30 กรกฎาคม ให้ดำเนินคดีกับนายไพศาล ซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกง ตนโดยสั่งซื้อสินค้าประเภทขนมแล้วมีการโอนเงินหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 30,500 บาท แต่ไม่มีการส่งสินค้าให้ จึงไปแจ้งความไว้ และวานนี้(9 ก.ย.)ศาลได้ออกหมายจับนายไพศาล ในข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อยแล้วและว่า เมื่อประมาณ 13 นาฬิกาวันที่ 7 กันยายน ขณะตนไลฟ์สดผ่านเพจ”ข่าวโหด”อยู่มีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Peak Roger ใช้รูปนายสิตางค์เป็นโปรไฟล์เข้ามาแสดงความเห็นในลักษณะก่อกวนและด่าเสียๆหายๆ พร้อมข่มขู่อย่าพูดมากเกิน เดี๋ยวจะถูกปิดเพจอีกรอบ
ลีน่าจัง กล่าวต่อว่า นอกจากฉ้อโกงตนแล้วเชื่อว่ายังมีการรายงานสแปมเพจของตนไปทางสำนักงานใหญ่เฟซบุ๊ค ส่งผลให้ตนถูกห้ามใช้งานบัญชีเฟซบุ๊คของตน ถูกห้ามไลฟ์สดเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ทำให้ขาดโอกาส ประเมินความเสียหายเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท วันนี้พวกเราจึงนำข้อมูลหลักฐานที่มีมามอบให้พนักงานสอบสวน ปอท.ช่วยสืบสวนสอบสวนติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากนี้จะนำหมายจับคดีฉ้อโกงไปมอบให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เพื่อสืบสวนจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีด้วย พร้อมใช้โอกาสใน ขอบคุณแฟนคลับของที่เมตตาติดตามผลงาน และขอให้คนที่มาทำร้ายตนหยุดการกระทำ เพราะเพจของตนช่วยเหลือสังคมคนยากจน มีผู้ป่วยโรคต่างๆที่ต้องการความช่วยเหลือ จากการทำให้เพจถูกปิดไป 1 เดือน 4 วัน ขอร้องให้หยุดการกระทำเสีย สำหรับเพจของตนกลับมาไลฟ์สด อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
ด้านพนักงานสอบสวน ปอท.ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบและจะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.-สำนักข่าวไทย
