สสส.ชวน ร่วมกิจกรรม“หยุดซิ่ง…มาวิ่งกันเถอะ”

สสส.10ก.ย.-กลุ่มผู้เสียหายทางถนน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเมาไม่ขับ สสส. จับมือเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ชวนคนไทยวิ่งวันรำลึกเหยื่อโลก 17 พฤศจิกายนปีนี้ หวังลดเหยื่อรายใหม่ทางถนนที่มีมากกว่า 60,000 คน ต่อปีทั้งเสียชีวิตและพิการ


กลุ่มผู้เสียหายทางถนน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ที่ร่วมกันจัดกิจกรรม แถลงข่าวกิจกรรม “หยุดซิ่ง…มาวิ่งกันเถอะ” (Run for Road Traffic Victims)   นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  กล่าวว่า กิจกรรม หยุดซิ่ง…มาวิ่งกันเถอะ เกิดขึ้นเพราะผู้เสียหายจากอุบัติเหตุทางถนนในบ้านเรามีความรุนแรงติดอันดับโลก โดยในแต่ละปีประเทศมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากกว่า 2 หมื่นคน และอีก  4 หมื่นคนต้องเป็นผู้พิการรายใหม่  ทุกๆปีมีผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุกว่า 2 แสนคน ทั้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้พิการ และผู้เสียหายเหล่านี้ ต้องผจญกับการต่อสู้คดี ช่วยตัวเอง แนวโน้มความรุนแรงลดลงน้อยมาก  ทุกคนมีโอกาสเป็นเหยื่อ ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนที่แก้ไขอย่างช้าๆ ทุกคนมีโอกาสเป็นเหยื่อ เป็นเรื่องที่ผู้บริโภค ประชาชนต้องมาช่วยกันทำงาน ทำให้การเยียวยาความเสียหายรวดเร็วขึ้น และหาทางเร่งรัดให้มีบริการขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพรถและความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อลดและหยุดเหยื่อรายใหม่ และร่วมกันผลักดันจัดตั้งกองทุนผู้เสียหายจากอุบัติเหตุทางถนนเพื่อให้ผู้เสียหายเป็นคนทำงานเรื่องโดยตรงนี้มากขึ้น


ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.และภาคีเครือข่ายมีเป้าหมายร่วมกันในการลดอุบัติเหตุ ลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนน สนับสนุนการมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ พร้อมกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยทางถนน และอีกบทบาทหนึ่งที่ สสส. ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ เช่น การเดิน-วิ่ง ปัจจุบันกระแสการวิ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง พิจารณาได้จากงานวิ่งเพื่อสุขภาพที่ถูกจัดขึ้นไม่ต่ำกว่า 19 งานต่อสัปดาห์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านคน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีนักวิ่งในประเทศไทยกว่า 16 ล้านคน ในปี 2561 หวังว่างานนี้จะช่วยทำให้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย จะได้ไม่ต้องมีเหยื่อหรือผู้สูญเสียรายต่อไปอีก ซึ่งมิใช่จะมีแค่ผู้พิการหรือเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เกิด อาทิ ครอบครัวที่ต้องทนต่อความสูญเสีย


นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ  กล่าวว่า คนไทยต้องสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยวันละ 60 คน เป็นสถิติการเสียชีวิตที่มากกว่าโรคภัยร้ายแรง ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีจำนวนราว 1.35 ล้านคน ที่ผ่านมาองค์การสหประชาชาติจึงประกาศให้วันอาทิตย์ที่  3  ของเดือนพฤศจิกายน เป็นวัน “รำลึกผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน” (World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงผู้สูญเสียมาโดยตลอดร่วมกับเครือข่ายต่างๆ และในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน จึงกำหนดให้กิจกรรมวิ่งมีขึ้นในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้สูญเสียและหยุดผู้สูญเสียรายใหม่จากอุบัติเหตุทางถนน

นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อปี 2544 ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ตอนนั้นจอดรถรอไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกอยุธยา มองไปที่กระจกหลังก็เจอรถเก๋งสีดำวิ่งเข้ามาชนท้าย ทำให้ผมกระเด็นลอยขึ้นไป ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมากและคงไม่ถึงกับพิการ แต่ระหว่างรักษาตัวอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นคนพิการตั้งแต่หน้าอกลงไปตลอดชีวิตสิ่งที่เหลือไว้จากอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้น คือ ความทุกข์ของคนที่ยังอยู่ หลายครอบครัวไม่ได้จบแค่การสูญเสียญาติพี่น้องที่จากไป ขณะที่ยังมีผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนนอีกมากที่ขาดโอกาสจากสังคม โดยเฉพาะการเดินทางซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ยังมีคุณภาพไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ รวมทั้งโอกาสในการประกอบอาชีพเพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีคุณภาพ

นายประทีป ทองประเทือง บิดาของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้โดยสาร กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงลำบากที่สุดของชีวิตของคนที่ยังอยู่ ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่คิดถึงลูกสาวที่ต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้เพราะคนขับที่หลับใน หลังเกิดเหตุชีวิตเราเหมือนตายทั้งเป็น สูญเสียลูกสาวก็หนักพอแล้วยังต้องมาฟ้องคดีกับรถตู้เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อศาลอีก ต้องสู้กันถึงสามศาล จนวันนี้คดีอยู่ในชั้นศาลฎีกาก็ไม่รู้คดีจะจบเมื่อไหร่ พวกเราเจ็บและเหนื่อยกันมามากพอแล้ว และก็ไม่อยากให้ใครต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการชดเชยเยียวยาผู้ประสบเหตุทุกคน ควรมีกองทุนช่วยเหลือให้กับผู้เสียหายทั้งคนบาดเจ็บหรือทายาทผู้เสียชีวิต ที่ไม่ควรต้องให้มาขึ้นศาลฟ้องคดีกันอีก

สำหรับกิจกรรม หยุดซิ่ง…มาวิ่งกันเถอะ “Run for Road Traffic Victims” แบ่งการวิ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ เดิน-วิ่งระยะสั้น Fun Run 5 กิโลเมตร และวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 04.00 – 10.00 น. ณ สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ (สวนบางกระเจ้า) อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ  ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมกิจกรรมได้ในราคา 500 บาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ https://rtv.regist.co และ FB: safethaibus หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 089-764-9153 / 098-002-7388.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]