เพชรบุรี 6 ก.ย.- หนึ่งในปมที่ทำให้ “บิลลี่” มีความขัดแย้งกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เกิดจากการที่เขาเป็นแกนหลักเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้านที่ถูกผลักดันเผาบ้านลงจากที่อยู่เดิมเมื่อปี 54 ซึ่งเขาช่วยให้ชาวบ้านฟ้องศาลปกครอง และชนะคดีในวันที่เขาสูญหายไป
สะพานแขวนที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำเพชรบุรี เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของหมู่บ้านโป่งลึกบางกลอย กลางป่าแก่งกระจาน ต.ห้วยแม่เพียง อ.แก่งกระจาน เพชรบุรี
ที่นี่แยกเป็นสองหมู่บ้าน หมู่บ้านเดิมคือโป่งลึก ส่วนอีกหมู่บ้านคือบางกลอย เป็นหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง ที่ทหารและอุทยานแก่งกระจานอพยพลงมาจากบ้านบางกลอยบน ใจแผ่นดิน ซึ่งห่างจากที่นี่ด้วยการเดินราว 3 วัน เมื่อปี 39 อพยพลงมาทั้งหมด 57 ครอบครัว แม้ไม่อยากออกจากที่ทำกินเดิม แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
ชาวบ้านบางส่วนใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยใหม่ไม่ได้ ราว 8 ครอบครัว จึงย้ายกลับไปยังที่อยู่เดิมที่ถูกอพยพออกมา กระทั่งปี 54 อุทยานแก่งกระจาน และทหารชุดเฉพาะกิจพญาเสือเข้าปฏิบัติการยุทธการตะนาวศรี ผลักดันออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นปรากฏภาพเจ้าหน้าที่เผาบ้านชาวบ้าน นอเอะ มีมิ ถูกผลักดันออกมาพร้อมพ่อ คือปู่คออี้ มีมิ เขาบอกว่า อยากอยู่ในที่เดิมของบรรพบุรุษ จึงกลับไป ซึ่งผลจากการถูกผลักดัน ทำให้ชาวบ้าน 6 ราย ฟ้องกรมอุทยานฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ต่อศาลปกครอง โดยมีนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เป็นผู้ช่วยเหลือรวบรวมเอกสารหลักฐาน
ศาลปกครองพิพากษาเมื่อปี 61 ว่าเป็นปฏิบัติการที่มิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการละเมิดทางปกครอง จึงให้เยียวยาชาวบ้านเฉลี่ยรายละ 50,000 บาท แต่คำพิพากษาของศาลคล้อยหลังบิลลี่ เสียชีวิตไปแล้ว 4 ปี เขาไม่ได้อยู่รับฟังการคืนความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน ที่ตัวเขาเป็นแกนหลักสำคัญในการต่อสู้
หลังดีเอสไอพบหลักฐานสำคัญในคดีที่บิลลี่หายตัวไปนาน 5 ปี อธิบดีกรมอุทยานฯ มีคำสั่งโยกย้ายพนักงานข้าราชการ ลูกจ้างประจำที่อยู่ในเหตุการณ์จับกุมบิลลี่ เมื่อ 17 เมษายน 57 ออกนอกพื้นที่อุทยานแก่งกระจาน 4 ราย ในจำนวนนี้ มีชื่อของนายบุญแทน บุษราคัม อยู่ด้วย และในวันนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน แจ้งความว่า ลูกน้องถูกตำรวจภาค 7 ข่มขู่ให้ปรักปรำในคดีบิลลี่ โดยยื่นข้อเสนอหากให้ความร่วมมือจะกันไว้เป็นพยาน ลูกน้องคนนั้นคือ นายบุญแทน บุษราคัม.-สำนักข่าวไทย