กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – กฟน.หนุนท่องเที่ยวไทยใจกลางมหานคร นำสายไฟลงใต้ดินถนนนานาเหนือสำเร็จ
นายเทพศักดิ์ ฐิตะรักษา รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พร้อมคณะผู้บริหาร และพนักงาน แถลงข่าวความสำเร็จโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนนานาเหนือ (Change@NANA)
นายชัยภัทร สุขไพบูลย์วัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ กฟน. กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้ของ กฟน.นับเป็นการเชื่อมต่อโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งถนนนานาเหนือ ถือเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว การเพิ่มศักยภาพระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง ตลอดจนการปรับทัศนียภาพให้สวยงาม ไร้เสา-สายไฟฟ้า นอกจากนี้ กฟน.ยังได้นำเสาไฟฟ้าจากการนำสายไฟลงใต้ดินไปทำประโยชน์ในรูปแบบ MEA’s Model โดยนำเสาไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานและยางรถยนต์เก่าทำเป็นแนวกันคลื่น เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน และป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ เพราะเสาไฟฟ้ามีความทนทาน สามารถลดความแรงของกระแสน้ำได้ ทั้งยังส่งผลให้ฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนได้อย่างยั่งยืน
ด้านการก่อสร้างครั้งนี้ มีระยะทางรวม 0.75 กิโลเมตร ตั้งแต่แยกนานาถึงสะพานข้ามคลองแสนแสบ ดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 – สิงหาคม 2562 ระยะเวลารวม 14 เดือน ภายใต้งบประมาณ 29.7 ล้านบาท สำหรับระหว่างการก่อสร้าง กฟน.ได้กำหนดวิธีการก่อสร้างอย่างรัดกุม เพื่อลดผลกระทบกับผู้ประกอบการภาคธุรกิจ นักท่องเที่ยว ชุมชน ประชาชนในพื้นที่ให้น้อยที่สุด
ปัจจุบัน กฟน.ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินรวมทั้งสิ้น 215.6 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นโครงการเสร็จ 46.6 กิโลเมตร และโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 169 กิโลเมตร โดยในจำนวนนี้ แบ่งออกเป็น 1.โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 74.8 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการนนทรี โครงการพระราม 3 โครงการรัชดาภิเษก-พระราม 9 โครงการถนนวิทยุ โครงการรอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ)
2.โครงการที่จะลงนามสัญญาก่อสร้างปี 2562 รวมประมาณ 94.2 กิโลเมตร มูลค่าของสัญญากว่า 20,000 ล้านบาท อาทิ โครงการพื้นที่เมืองชั้นใน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ และโครงการร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่น ทั้งนี้ โครงการคืบหน้าที่อยู่ในแผนดำเนินการต่อไป คือ โครงการถนนรัชดาภิเษก-อโศก ซึ่ง กฟน.จะเริ่มการจัดงานประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในเดือนตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย