ปภ. 2 ก.ย.-ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบภัยจากพายุโพดุล 9 จังหวัด เตือนรับมือดีเปรสชั่น 2-4 ก.ย.นี้ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนัก
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อนโพดุล ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 จนถึงวันนี้ (2 ก.ย.) ทำให้เกิดน้ำสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 26 จังหวัด รวม 82 อำเภอ 228 ตำบล 784 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,857 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ได้แก่ อุบลราชธานี พิจิตร พิษณุโลก อำนาจเจริญ ขอนแก่น ผู้บาดเจ็บ 1 คน ได้แก่ จ.ชัยภูมิ ผู้สูญหาย 2 ราย ได้แก่ จ.อำนาจเจริญ พิจิตร ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (2 ก.ย.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ มุกดาหาร ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด อพยพประชาชน 621 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น น่าน อำนาจเจริญ
นายชยพล กล่าวว่า ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมระดมวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัย โดยแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยให้บริการขนย้ายสิ่งของและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป พร้อมเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นายชยพล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 2-4 กันยายน 2562 อิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อีกทั้งบางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ซึ่ง ปภ.ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย