ชัยนาท 2 ก.ย. – ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รมว.ศึกษาธิการ พร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงเรียนใน จ.ชัยนาท เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องโครงการอาหารกลางวัน และเหตุปาเลือดหมูหน้าห้องเรียนอนุบาล
นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รมว.ศึกษาธิการ พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่โรงเรียนวัดวงเดือน อ.หันคา จ.ชัยนาท เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องโครงการอาหารกลางวัน และเหตุปาเลือดหมูหน้าห้องเรียนอนุบาล โดยเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน ครูและเจ้าหน้าที่ทุกคน เข้าร่วมประชุม เพื่อขอทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน บอกว่า เบื้องต้นได้สอบถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่ครูอ้อม ผู้อำนวยการโรงเรียน เจ้าหน้าที่โครงการอาหารกลางวัน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายพัสดุที่จัดซื้อจัดจ้าง ครูที่ตรวจรับ ครูที่รับผิดชอบโครงการอาหารกลางวัน รวมทั้งผู้ปกครองนักเรียน กรรมการสถานศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และตัวนักเรียนเอง โดยยังไม่ชี้ชัดว่าใครผิดใครถูก แต่จะนำข้อมูลไปประมวล สืบสวนสอบสวนตามกฎหมายและระเบียบราชการ จากนั้นจึงจะนำข้อมูลทั้ง 2 ด้านมาประกอบกัน ก่อนสรุปผลอีกครั้ง
ส่วนการจ้างแม่ครัวคนใหม่ทำอาหารแทนแม่ครัวคนเก่าที่ลาออกไป เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถจัดหาแม่ครัวคนใหม่ได้ จึงต้องจ้างผู้ปกครองนักเรียนทำหน้าที่แม่ครัวชั่วคราวไปก่อน รอจนกว่าจะมีคนมาสมัครเป็นแม่ครัวตัวจริง แต่ยังคงใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบจ้างเหมาทำอาหารกลางวันให้นักเรียน จำนวน 104 คน หัวละ 20 บาท เป็นเงินวันละ 2,080 บาท แต่ปัญหาคือ ไม่มีเครื่องครัว ต้องไปขอยืมจากวัดวงเดือนมาใช้ สำหรับเมนูอาหารวันนี้ มีกับข้าว 2 อย่าง คือ ต้มยำไก่ใส่เห็ดฟาง และผัดฟักทองใส่ไข่กับหมูบด ส่วนผลไม้เป็นเงาะโรงเรียน
ส่วนที่โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เขตดินแดง ผู้ปกครอง พร้อมด้วยนักเรียนและครู นำเอกสารหลักฐานมามอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ติดตามตรวจสอบผู้อำนวยการโรงเรียนเกี่ยวกับโครงการอาหารกลางวัน และงบประมาณค่าใช้จ่ายในโรงเรียน หลังผู้อำนวยการโรงเรียนปรับเปลี่ยนรูปแบบอาหารกลางวัน จากเดิมที่ให้คูปองแทนเงินสด 30 บาท ให้นักเรียนนำไปซื้ออาหารในร้านค้าของโรงเรียน แต่ในภาคการศึกษาที่ 1 ปี 2562 เปลี่ยนเป็นอาหารถาดหลุม โดยมีผู้รับเหมาเอกชนเข้ามาทำอาหารให้ แต่กลับพบว่าอาหารไม่ได้มาตรฐาน และบางวันเป็นอาหารเจ ทำให้เด็กบางคนกินได้น้อย หรือกินไม่ได้เลย
ตัวแทนผู้ปกครอง บอกว่า เอกสารหลักฐานที่นำมายื่นวันนี้ มีตั้งแต่รายงานเงินคงเหลือประจำวันของโรงเรียน รวมถึงใบเสร็จรับเงินค่าวัตถุดิบอาหารของบริษัทเอกชนที่เป็นผู้ผลิตอาหารกลางวันให้โรงเรียน มีบางอย่างแพงกว่าท้องตลาด กิโลกรัมละ 10-15 บาท
ครูฝ่ายการเงิน โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ อ้างว่า ที่ผ่านมาถูกบังคับให้เซ็นเอกสารการเบิกจ่ายเงินให้เอกชนที่เข้ามารับงานของโรงเรียน ทั้งที่โครงการเหล่านี้ไม่มีอยู่ในแผนปฏิบัติงานประจำปี เช่น โครงการทำห้องอีสมาร์ทคลาสรูม แผนกประถม ที่มาเบิกใช้งบในรายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์กับครูในโรงเรียน รวมถึงโครงการปรับปรุงโรงอาหาร ที่มาเบิกใช้งบเงินอุดหนุนอาหารกลางวัน ทั้งที่ในแต่ละปี สพฐ.จะมีเงินปรับปรุงสถานที่ให้อยู่แล้ว
ครูฝ่ายการเงิน ยังบอกอีกว่า หลังจากออกมาเปิดเผยถึงความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการภายในโรงเรียน ก็ถูกข่มขู่อย่างหนัก จนขณะนี้กังวลถึงความปลอดภัยของตัวเอง ปัจจุบันโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เขตดินแดง มีนักเรียนกว่า 1,300 คน ในจำนวนนี้มีเด็กพิเศษ 280 คน และเด็กยากไร้กว่า 200 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้แม้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้. – สำนักข่าวไทย