กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – รมว.อุตฯ หาทางแก้ปัญหาลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอันตรายแบบถาวร เพิ่มโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมภายใต้แนวคิดแบ่งกำไรจากโรงงานมาตั้งกองทุนดูแลชาวบ้านโดยรอบโรงงาน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอันตรายของโรงงานอุตสาหกรรม มีสาเหตุมาจากจำนวนโรงงานกำจัดน้อยและคิดค่าบริการแพง จึงมีแนวคิดที่จะสนับสนุนให้มีการตั้งโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อให้สมดุลกับปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นทุกวัน แต่ประชาชนในพื้นที่ที่ทราบว่าจะมีการตั้งโรงงานต่อต้าน ทำให้ในที่สุดตั้งโรงงานไม่ได้ เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างถาวรเบื้องต้นมีแนวคิดว่าหากพื้นที่ใดประชาชนยอมให้มีการตั้งโรงงานจะมีข้อกำหนดให้โรงงานต้องจัดสรรกำไรจากการทำธุรกิจไปตั้งกองทุนเพื่อนำเงินที่ได้ไปช่วยดูแลชุมชนที่อยู่บริเวณโดยรอบโรงงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งสิ่งนี้อาจจะช่วยลดกระแสต่อต้านการตั้งโรงงานประเภทนี้ได้ แนวทางนี้จะนำร่องปรับใช้ในพื้นที่ภาคกลาง
“การตั้งโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อให้สมดุลกับปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นทุกวัน เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน หรือไม่อีกแนวทางหนึ่ง คือ พยายามสนับสนุนให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อมลพิษมากขึ้น หากสามารถเลือกได้” นายสุริยะ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้กรมโรงงานฯ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอตั้ง “เขตประกอบการอุตสาหกรรม” ให้สามารถรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เพื่อส่งเสริมให้เกิด Circular Economy ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะเน้นดูแลสิทธิประโยชน์การลงทุนด้วย และเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ยังให้กรมโรงงานฯ พิจารณาเพิ่มประเภทหรือชนิดของโรงงานอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยมอบหมายให้ผู้บริหารกรมโรงงานฯ ระดับรองอธิบดีรับไปดูแล คาดว่าพิจารณาเสร็จปลายปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า
นายสุริยะ เปิดเผยยอดขอรับใบอนุญาต รง.4 ทั้งประกอบกิจการใหม่และขยายกิจการโรงงานทั่วประเทศในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ส.ค. 62) ว่า มีจำนวน 2,696 โรงงาน แม้จำนวนโรงงานลดลง 18.3% แต่มูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้น 33.07% เพราะเป็นกิจการขนาดใหญ่วงเงินรวม 308,862.71 ล้านบาท มีการจ้างงาน 118,782 คน โดยอุตสาหกรรมที่มีเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ 81,367.45 ล้านบาท อุตสาหกรรมจากปิโตรเลียม 39,643.93 ล้านบาท อุตสาหกรรมอาหาร 32,715.47 ล้านบาท อุตสาหกรรมผลิตเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ 21,691.03 ล้านบาท และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก 16,724.94 ล้านบาท ตามลำดับ .-สำนักข่าวไทย