กรุงเทพฯ 28 ส.ค.- หมวดจรูญ ติดตาม ความคืบหน้าการดำเนินคดี “พลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล” อดีต ผบก.จ.กาญจนบุรี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบแก้ไขสำนวนหวย 30 ล้าน ให้กลมกลืน ด้านตำรวจรับปากจะเร่งสรุปสำนวนในสิ้นเดือนนี้
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี และนางลาวัลย์ วิมูล ภรรยา เดินทางมาพบ พ.ต.อ. สุวัจน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาท ในส่วนของการดำเนินคดี พลตำรวจตรี สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ในฐาน ปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ช่วยเหลือ เปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวน คดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งทำให้นายปรีชาใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ได้เปรียบในคดี
นายษิทธา กล่าวว่า วันนี้คุณลุงจรูญได้รับความเป็นธรรมในระดับหนึ่ง แต่ผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษด้วย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือพลเรือนเพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จึงต้องการทราบความคืบหน้า คดีของพลตำรวจตรีสุทธิ ซึ่งเวลา ล่วงเลยมานานแล้ว ทราบมาว่าทางตำรวจ ปปป.ได้มีการสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. หลังจากนั้นป.ป.ช. ได้ ส่งสำนวนมาให้กองปราบปราม ดำเนินการต่อ ทางลุงจรูญจึงอยากทราบความคืบหน้าว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ส่วนตัวมองว่า พลตำรวจตรีสุทธิเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นนายตำรวจระดับสูงซึ่งจากแนวทางการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของกองปราบปราม ก็พบว่าพลตำรวจตรีสุทธิ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องการแก้ไข เปลี่ยนแปลงสำนวนคดีให้กลมกลืม และแก้ไขหลายครั้ง และยังมีการเรียก ลุงจรูญไปพูดคุยที่บ้าน หากตำรวจไม่สั่งฟ้องพลตำรวจตรีสุทธิมองว่าเป็นเรื่องแปลก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก กองปราบปราม ไม่สั่งฟ้อง พลตำรวจตรีสุทธิ. จะกระทบต่อ ลุงจรูญ หรือไม่. นายษิทธา กล่าวว่า สำนวนการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบของพลตำรวจตรีสุทธิ นั้นอยู่คนละส่วนกับสำนวนของลุงจรูญ ไม่กังวล และไม่กระทบ สำนวนลุงจรูญ ไม่ว่า พนักงานสอบสวนจะสั่งคดีอย่างไร เพราะ ในชั้นสืบพยานโจทก์และจำเลยลุงจรูญได้ให้การไปทั้งหมดแล้ว
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่คู่กรณีระบุว่าฝ่ายตนลักลอบนำข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งเป็นหลักฐานในสำนวนคดีหลุดรอดไปชั้นศาลนั้น ยืนยันว่า ได้ข้อมูลมาโดยชอบ และไม่ได้นำข้อมูลนี้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะกองปราบได้ส่งสำนวนไปยังอัยการแล้วในขณะนั้น ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงที่คดีนี้กำลังดัง ทางตนได้ตั้งทีมงานนักสืบโซเชียล แสวงหาข้อมูลต่างๆ มาเป็นหลักฐาน ซึ่งไม่มีความกังวล
ด้าน ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ตอนนี้คดีก็ปรากฎข้อเท็จจริงแล้ว และอยากทราบความคืบหน้าในส่วน ของ พลตำรวจตรีสุทธิ จึงมาสอบถามในวันนี้ ส่วนการที่ปิดบัญชีธนาคารเดิม เพราะมีการนำเลขบัญชี ไปเผยแพร่สู่สังคมอย่างกว้างขวาง จึงเกรงว่าจะมีปัญหาภายหลังซึ่งหลังจากได้เงินกลับคืนมา ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะนำเงินไปทำอะไรขอปรึกษาครอบครัวก่อนแต่โดยปกติก็จะนำเงินไปทำบุญอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ร.ต.ท จรูญ และทนายความได้ขึ้นไปพบ พ.ต.อ. สุวัฒน์ โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน เดินทางกลับ เบื้องต้น พันตำรวจเอกสุวัฒน์ รับปากจะให้ความเป็นธรรมกับ ร.ต.ท.จรูญโดยจะเร่งรัดสำนวนคดีให้สามารถสรุปสำนวน และความเห็นทางคดี ให้ได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ .-สำนักข่าวไทย