กรุงเทพฯ 26 ส.ค.- “ครูปรีชา-เจ๊เกียว-เจ๊พัช” พบตำรวจกองปราบฯ ตามหมายเรียกให้ปากคำคดีหวย30 ล้านเพิ่ม ครูยืนยันหวยเป็นของตนเอง เดินหน้าต่อสู้คดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
► “ร.ต.ท.จรูญ” ปิดบัญชีเงินหวยเรียบร้อยแล้ว
นายปรีชา ใคร่ครวญ พร้อมด้วย นางปณัญชญา สุขพูล หรือเจ๊เกียว และนางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช พร้อมนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กองกำกับการ5 กองปราบปราม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม
โดยนายปรีชา ระบุว่า การให้ปากคำเพิ่มเติมวันนี้ ในสำนวนคดีที่ตนได้แจ้งความให้เอาผิดผู้ที่ทำให้เกิดพยานหลักฐานในสำนวนคดีหวย30ล้านหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญ เช่นสัญญาณโทรศัพท์แสดงจุดที่อยู่ รวมถึงข้อมูลการสนทนาผ่านไลน์ หลุดออกมาได้อย่างไร แม้แต่ตนเองเคยทำหนังสือไปขอจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์แต่กลับถูกปฏิเสธ อ้างว่าต้องให้ทนายความและพนักงานสอบสวนทำหนังสือมาขอ
ส่วนคดีหวย30 ล้าน ที่ตนฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหายักยอกทรัพย์ และศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษายกฟ้องในชั้นต้นแล้ว ส่วนตัวยืนยันว่าจะใช้สิทธิและกระบวนการตามกฎหมายที่มี ขอยื่นอุทธรณ์ต่อไป พร้อมย้ำว่าความจริงก็คือความจริง ล็อตเตอรี่เป็นของตนเอง
ส่วนกรณีที่ตนทำเรื่องขอระงับการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเป็นการละเมิดคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้ถอนอายัดเงินรางวัลในบัญชี แต่เป็นสิทธิที่ตนสามารถทำได้ตามกฎหมาย ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่้เลขที่บัญชีและเบอร์โทรศัพท์ของร.ต.ท.จรูญ ยืนว่าตนเองไม่ได้เป็นคนเผยแพร่ แต่มีบุคคลอื่นเป็นคนเปิดเผยต่อสาธารณชน อีกทั้งมองว่าเลขบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ไม่น่าจะเป็นความลับ แต่สามารถเปิดเผยทางธุรกิจได้ เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะใช้เป็นข้ออ้างในการปิดบัญชีและขอถอนเงินรางวัลทั้งหมดออกจากธนาคาร
ด้าน เจ๊เกียว และเจ๊พัชร วันนี้เดินทางมาพบตำรวจตามหมายเรียก ในคดีที่ ร.ต.ท.จรูญแจ้งความครูปรีชาและพวกในข้อหาแจ้งความเท็จ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเจ๊เกียว ยืนยันว่า จะยังคงเป็นพยานยืนยันว่าหวย30ล้านเป็นของนายปรีชา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด ร.ต.ท.จรูญ จึงรีบถอนเงินรางวัลออกจากบัญชี หากเป็นเจ้าของเงินจริง จะถอนออกมาใช้ตอนไหนก็ย่อมได้
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่าวันนี้ได้ออกหมายเรียกให้ ทั้งสามคน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 เพื่อให้ปากคำในประเด็นที่ยังติดใจสงสัย ตามคำร้องของอัยการที่ให้มีการสอบปากคำเพิ่มเติม และ เซ็นรับรองพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารว่าเป็นสำเนาถูกต้องจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ในฐานะพยานของคดีเท่านั้น ซึ่งตามกำหนดเดิมพนักงานสอบสวนของกองกำกับการ 5 จะเดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำในพื้นที่เองแต่ทั้ง 3 คน ไม่ยินยอม เนื่องจากต้องการให้มีทนายความอยู่ด้วยจึงเลื่อนมาเป็นวันนี้ โดยสำนวนคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ ร.ต.ท.จรูญ แจ้งความว่า ครูปรีชา แจ้งความเท็จ ทั้งนี้ยังเหลือข้อมูลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งก่อนสรุปสำนวนส่งให้อัยการในชั้นต่อไป
ส่วนสำนวนของพลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ในสำนวน ความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ตามคำร้องของอัยการเสร็จสิ้นเกือบครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงการสรุปสำนวนคดีให้แล้วเสร็จ โดยยังเหลือรายละเอียดในสำนวนอีกเล็กน้อย ก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องต่อไป .-สำนักข่าวไทย