ตลท. 26 ส.ค. – “ภากร” เผยหุ้นไทยร่วงจากความกังวลสงครามการค้า และเป็นไปตามตลาดหุ้นต่างประเทศ มั่นใจหุ้นไทยยังน่าสนใจ ราคาไม่แพง เงินปันผลสูง เตรียมใช้เวที “Thailand Focus 2019” ให้ข้อมูลเศรษฐกิจเรียกความเชื่อมั่น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรง 34.91 จุด หรือร้อยละ 2.12 ในการซื้อขายภาคเช้าที่ผ่านมาเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลง เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามข่าวความขัดแย้งทางการค้าอย่างต่อเนื่องว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ดังนั้น ขอให้นักลงทุนอย่าตกใจ เพราะเป็นสถานการณ์โลกไม่ใช่จากปัจจัยในประเทศ โดยหุ้นที่ถูกเทขายวันนี้เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังอเมริกา ท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลายหุ้นเหล่านี้ก็จะปรับตัวกลับมา
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2562 ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นได้ประมาณร้อยละ 3 ในรูปของเงินบาท ปรับขึ้นร้อยละ 9.6 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ นอกจากนี้ หากเทียบระดับราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ หรือพีอี เรโช ราคาหุ้นไทยถือว่าไม่แพงหากเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค และอัตราการจ่ายเงินปันผลยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยงยังถือเป็นเรื่องสำคัญ นักลงทุนควรเลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ราคาไม่ได้ปรับลงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นไทย แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการไหลออกไปบ้างเป็นไปในลักษณะเดียวกับภูมิภาค ซึ่งมั่นใจว่าหากสถานการณ์ต่างประเทศมีความชัดเจนขึ้นเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย เพราะนักลงทุนระยะยาว ( Passive Investor) ต้องลงทุนตามน้ำหนักของ MSCI Index ซึ่งที่ผ่านมาได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยจากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 3 และแม้ว่าในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าจะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนของ MSCI Index อีกครั้งก็คาดว่ามีผลกระทบไม่มาก เพราะเป็นการปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยเพียงเล็กน้อย แม้ว่า MSCI Index จะนำหุ้นจีนกับหุ้นซาอุดิอาระเบียมารวมใน MSCI Emerging Market
“ตอนนี้เป็นสถานการณ์โลกไม่แน่นอนสูงติดตามข้อมูล ข่าวสาร และบทวิเคราะห์ให้ดี ในความเสี่ยงมีโอกาสเสมอ ต้องดูว่านักลงทุนรับความเสี่ยงได้อย่างไร เมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไรของสิ่งที่จะลงทุน มีทั้ง 2 ส่วน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยปกติ ต้องดูข้อมูลให้ดี และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่จำเป็นต้องออกเครื่องมือมาเพิ่มเติม แต่ควรมีการให้ข้อมูลกับนักลงทุนเมื่อมีสถานการณ์ไม่ปกติมากกว่า” นายภากร กล่าว
นายภากร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมจัดงาน “Thailand Focus 2019” ระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะได้ใช้เวทีดังกล่าวให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันต่างชาติถึงทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจของประเทศหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยจะย้ำว่ารัฐบาลชุดใหม่ยังคงสานต่อนโยบายสำคัญ ๆ ทั้งการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ สนับสนุนการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเสริมความเชื่อมั่นให้นักลงทุนประกอบการตัดสินใจ
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมกรณีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงยอมรับว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไม่ได้ผันผวนเพียงประเทศไทย แต่ส่งผลไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนต่างจับตาว่าผลการประชุมผู้นำ G7 จะมีผลออกมาอย่างไร และในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และปัญหาเศรษฐกิจของฝรั่งเศส กรณี Brexit ของอังกฤษ ปัญหาเหล่านี้จึงกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหลักทรัพย์ฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ความกังวลสถานการณ์โลก จึงไม่เกี่ยวกับไทยมากนัก .-สำนักข่าวไทย