ยธ.เปิดผลสอบ ‘กำไลอีเอ็ม’ 3 ข้อค้นพบ

ยธ.26ส.ค.-ยธ.สรุปผลสอบกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (กำไล EM) ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พบ 3 ข้อ ‘ถอดออกได้โดยไม่ต้องตัดสายรัด-หลายรายเกิดอาการแพ้ผื่นแดงขึ้น-สัญญาณไม่น่าเชื่อถือ’ เตรียมแจ้งกรมคุมประพฤติ เร่งพิจารณาในฐานะคู่สัญญาตามอำนาจหน้าที่ และตรวจสอบหาสาเหตุเพิ่มเติม



กระทรวงยุติธรรม  โดยนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม ออกเอกสารแถลงข่าวกรณีกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (กำไล EM) ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กรณีปรากฏข่าวทางสื่อสาธารณะว่ากำไลอิเล็กทรอนิกส์(กำไล EM) ที่มีไว้ใช้ในการควบคุมผู้ถูกคุมประพฤติตามคำสั่งของศาล ซึ่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยกรมคุมประพฤติไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบางกรณีและกระทรวงยุติธรรมได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจ สอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2562 โดยให้พันตำรวจเอก สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ และกำหนดให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 นั้น


บัดนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ จริงและรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวมายังกระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยมีข้อค้นพบ ดังนี้

1.อุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) สามารถถอดออกจากข้อมือได้โดยไม่ต้องใช้การตัดสายรัดหรืออุปกรณ์ในการถอด และสามารถสวมใส่กลับเข้าไปได้นั้น เป็นความจริง

2.มีผู้ถูกคุมความประพฤติที่สวมใส่อุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) หลายรายเกิดอาการแพ้ โดยบางรายเกิดผื่นสีแดงขึ้นบริเวณข้อมือ หรือมีผิวหนังแห้งบริเวณข้อมือ หรือมีแผลติดเชื้อบริเวณข้อมือ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในขอบเขตของงาน(Term of Reference :TOR)ข้อ 4.1.1 ระบุว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นี้ต้องได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อ ถือหรือจากผู้ผลิตว่า เมื่อสวมใส่แล้วจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้สวมใส่ได้โดยง่าย (Hypo-allergenic)

3.อุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์(EM) มีการแจ้งเตือนบ่อยครั้งและอาจ จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสัญญาณแจ้งเตือนและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ จากการตรวจสอบข้อมูลสถิติจากศูนย์ควบคุมการติดตามตัวผู้กระทำความผิดในงานคุมประพฤติด้วยอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการนี้เมื่อ 1มกราคม 2562 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ถูกคุมประพฤติที่เข้ารับการติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวในแต่ละเดือนอยู่ที่ 200-700 คน แต่มีการแจ้งเตือนว่าอุปกรณ์ถูกทำลายสูงกว่า 1,000-100,000 ครั้งต่อเดือน หรือไม่มีสัญญาณสูงกว่า 20,000-170,000 ครั้งต่อเดือน เป็นต้น

กระทรวงยุติธรรม จะได้แจ้งกรมคุมประพฤติทราบข้อค้นพบ และพิจารณาดำเนินการในฐานะคู่สัญญาตามอำนาจหน้าที่โดยเร็วต่อไป รวมทั้งจะได้ดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุในเรื่องนี้เพิ่มเติมต่อไปอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ