พังงา 23 ส.ค.-ช่วง “เรื่องนี้มีคำถาม” ผู้ใหญ่บ้านพังงาร้องสื่อ คนร้ายขโมยฝาตะแกรงเหล็กคูระบายน้ำริมถนนทางหลวงชนบท สายบ้านต้นแซะ-หาดนาใต้ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา แม้พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ แต่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย ด้าน ผอ.ส่วนปฏิบัติการแขวงทางหลวงชนบทพังงา ใช้เงินส่วนตัวตั้งรางวัลให้ผู้แจ้งเบาะแส 5,000 บาท
นายอดิศัย ทองไทย ผอ.ส่วนปฏิบัติการแขวงทางหลวงชนบทพังงา พร้อมด้วยนายสุนัย ยะเด็น ผู้ใหญ่บ้าน ม.14 บ้านเขาปิหลาย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า มีคนร้ายขโมยฝาตะแกรงเหล็กคูระบายน้ำริมถนนทางหลวงชนบท สายบ้านต้นแซะ-หาดนาใต้ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญเชื่อมจากถนนเพชรเกษมเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่สำคัญของจังหวัดพังงา มีทั้งชายหาดเขาปิหลาย จุดชมวิวสะพานไม้เก่าริมทะเล และหาดนาใต้ ซึ่งมีโรงแรมและรีสอร์ตระดับห้าดาวอยู่เป็นจำนวนมาก
คนร้ายขโมยไปประมาณ 10 ฝา แต่ละฝามีน้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม และมีพลเมืองดีสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน ขณะขับรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วงสีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน บรรทุกฝาตะแกรงขับไปทางตลาดโคกกลอย เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการนำเครื่องเชื่อมเหล็กมาเชื่อมให้ฝาตะแกรงติดกัน และจะนำฝาสำรองมาใส่แทนก่อน เพื่อป้องกันอันตรายให้ผู้ใช้รถใช้ถนน และคนร้ายยังขโมยฝาตะแกรงท่อถนนสายบ้านทุ่งโพธิ์อีก 10 ฝา คาดน่าจะนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า
นายสุนัย ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะตนเองอยู่ต่างจังหวัด ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีคนร้ายแอบขโมยฝาคูระบายน้ำริมถนนในพื้นที่ และบันทึกภาพไว้ได้ขณะขนย้ายด้วยรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งแขวงทางหลวงชนบทพังงา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ในพื้นที่มาก่อน โดยในวันที่ 14 คน ร้ายขโมยไป 5 ฝา ส่วนอีก 5 ฝา ไม่แน่ใจว่าถูกขโมยไปวันไหน
นายอดิศัย ผอ.ส่วนปฏิบัติการแขวงทางหลวงชนบทพังงา เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุ รีบเข้ามาตรวจสอบพร้อมกับนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักสอบสวน สภ.โคกกลอย ซึ่งขณะนี้ก็ยังติดตามตัวคนร้ายไม่ได้ ทั้งๆที่มีภาพคนร้ายเป็นหลักฐานอย่างชัดเจน จึงขอตั้งรางวัลให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสคนร้ายรายนี้ด้วยเงินส่วนตัว เป็นจำนวน 5,000 บาท จังหวัดพังงาเป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว จึงอยากฝากให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลสอดส่องและแจ้งเหตุ ส่วนคนร้ายนั้นขอให้เลิกพฤติกรรมเสีย เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดและอาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทาง .-สำนักข่าวไทย