20 ส.ค.กรุงเทพฯ.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงจับกุม เครือข่าย PR เงินล้านเพิ่ม พบพฤติกรรมเป็นตัวกลางดูแลคุมบัญชีและนัดส่งของให้ลูกค้า
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คุมตัวนางสาววีรนุช วรรณแสง วัย 27 ปี ผู้ต้องหาในคดีสมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาสอบปากคำ หลังจับกุมตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา
โดยนางสาววีรนุช เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ หลังตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดยุทธการสยบไพรี 62/2 เครือข่ายพีอาร์เงินล้าน และสามารถจับกุมนายประสงค์ มณีจิตต์ แฟนหนุ่ม พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 24 ล้านบาท เมื่ิอเดือนพฤศจิกายนปี 2561
พฤติการณ์ของขบวนการนี้จะใช้พีอาร์สาวสวยตามแหล่งสถานบันเทิงทำหน้าที่จัดหายาเสพติดส่งลูกค้าตามต้องการ ซึ่งขบวนการนี้ถือเป็นเครือข่ายใหญ่ มีผู้ร่วมกระทำผิดเกือบ 10 คน พบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีอีกกว่า 60 ล้าน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ระบุ สอบปากคำเบื้องต้น นางสาววีรนุช รับว่าเป็นผู้จัดหายาเสพติดส่งให้ลูกค้าจริง และเป็นคนเปิดบัญชีกว่า 10 บัญชี ทำหน้าที่ถอนเงินจากบัญชีธนาคารผ่านทางตู้ ATM ครั้งละ 2 แสน วันละเกือบ10 ครั้ง ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน
นอกจากนี้ ยังมีการแถลงการจับกุมของกลางบ้า 1.5 ล้านเม็ด หลังจับกุม นายบัญชา โสภารัตกุล ได้ขณะกำลังลำเลียงเพื่อส่งขาย โดยการจับกุมนั้นทางสายสืบได้ขยายผลกาาจับกุมผู้ต้องหาก่อนหน้านี้และได้ติดตามสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว พบว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากภาคเหนือตอนบนส่งไปยังจังหวัดในภาคกลาง ขณะที่ผู้ต้องหากำลังขนยาเสพติดผ่านหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี ตำรวจได้สกัดกั้นและจับกุมพร้อมของกลางทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นลอตใหญ่หลังจากนั้นตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพื่อขยายผล
ขณะที่อีกคดีสามารถจับกุมนายมีชัย มนต์คาถา ได้ขณะลักลอบขนไอซ์ไปยังประเทศญี่ปุ่น ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ของกลางเป็นไอซ์ 66 ก้อนหนัก 970 กรัม โดยตำรวจได้ติดตามเก็บข้อมมูลกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางออกนอกประเทศไปประเทศญี่ปุ่น จึงขอเข้าตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหาได้ใส่กางเกงใส 2 ชั้น ด้านในพบผ้าอนามัยที่ถูกดัดแปลงซุกซ่อนไอซ์ และซุกซ่อนยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่งในทวารหนักอีกด้วย
หลังจากนี้ทางตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบและขยายผลเครือข่ายยาเสพติดที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าที่ผ่านมาพบว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดไปยังประเทศญี่ปุ่นจำนวนมากในรูปแบบไกด์ทัวร์และนักท่องเที่ยว ซึ่งทางตำรวจไทยได้ประสานไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อตรวจสอบและจับกุมขบวนการขนยาเสพติดข้ามชาติต่อไป. -สำนักข่าวไทย