“สมศักดิ์” ยืนยันไม่ล้วงลูกงบอาหารกลางวันกรมราชทัณฑ์

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-รมว.ยุติธรรม ยืนยันไม่ล้วงลูกงบอาหารกลางวันของกรมราชทัณฑ์ เผยมอบนโยบายตรวจสอบคุณภาพอาหาร ปัดย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้กรณี “สิระ” ให้เจ้าตัวชี้แจงเอง ย้ำไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการถูกพาดพิงว่ามีปัญหากับ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ออกมาระบุว่าฝ่ายการเมืองทำงานล้ำเส้นและไม่ให้เกียรติข้าราชการ ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน แต่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อวานนี้ (19 ส.ค.) ได้ไปตรวจราชการที่กรมราชทัณฑ์ และได้มีการพูดคุยกับข้าราชการทั้งหมด พร้อมทั้งมอบนโยบาย คิดว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา และมีความเข้าใจกันดีแล้ว โดยเรื่องที่เกิดขึ้นก็จบไปแล้ว

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะเข้าไปล้วงลูกงบอาหารกลางวันของกรมราชทัณฑ์นั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง แต่ได้มอบนโยบายให้มีการตรวจสอบเรื่องคุณภาพอาหาร ทั้งเรื่องวัตถุดิบและราคาที่จัดซื้อ เพื่อเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนในการตอบสังคมหากเกิดความสงสัย ไม่ใช่เพียงแต่เน้นเรื่องปริมาณอย่างเดียว แต่อาหารต้องมีคุณภาพด้วย

“ขอยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ตามที่มีกระแสข่าว ส่วนเรื่องงบลับของกระทรวง ผมไม่ทราบและไม่อยากจะทราบด้วย เพราะถ้าเป็นงบลับ ก็แสดงว่าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยให้ใครรู้” นายสมศักดิ์ กล่าว

ส่วนเรื่องงบประชาสัมพันธ์นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้เข้าไปดูเรื่องกองทุนยุติธรรม ซึ่งมีการเบิกจ่ายช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบบางส่วน แต่ยังไม่เรียบร้อย โดยส่วนตัวมีความสงสัยเรื่องที่บอกว่าต้องใช้งบประชาสัมพันธ์ และไม่เข้าใจว่าอาจจะไปทับเส้นทางการทำมาหากินของใครหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่าให้สบายใจได้ว่าตนจะไม่เข้าไปแตะต้องเส้นทางทำมาหากินของคนที่ดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์แน่นอน

ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ที่มีปัญหานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในนามของกลุ่มสามมิตรไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะขณะนี้ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว และเรื่องนี้ นายสิระได้ออกมาขอโทษแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของนายสิระที่จะต้องชี้แจง แม้นายสิระตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่แสดงออกมาอาจทำให้ เกิดภาพลบที่ไม่ดีต่อสังคม ส่วนจะมีการตักเตือนหรือส่งผลกระทบต่อภาพรวมของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นเรื่องของนายสิระ ซึ่งต้องรู้ตัวเอง

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ปฏิเสธแสดงความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวจะกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่.-สำนักข่าวไทย