กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – “สุริยะ” เผย กนอ.จ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศึกษาการถมทะเลแหลมฉบัง 3,000 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุนปิโตรเคมีที่เอ็กซอนฯ สนใจและรองรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างละครึ่ง
จากกรณีที่บริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น สนใจที่จะลงทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีส่วนต่อขยายจากโรงกลั่นในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง โดยขอให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดหาพื้นที่รองรับโครงการลงทุน แต่พื้นที่มีน้อยจำเป็นต้องถมทะเลประมาณ 1,000 ไร่นั้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย กนอ. ว่า กรณีที่บริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น สนใจจะลงทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีบริเวณท่าเรือแหลมฉบังและร้องขอให้จัดหาพื้นที่รองรับการลงทุน โดยจะต้องมีการถมทะเลเพื่อให้ได้พื้นที่ลงทุนนั้น ขณะนี้ได้รับรายงานจากนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ.ว่า หากจะต้องถมทะเล ก็จะเพิ่มการถมจาก 1,500 ไร่ เป็น 3,000 ไร่ แทน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกสำหรับรองรับการลงทุนปิโตรเคมี และ รองรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เท่า ๆ กัน เพราะปัจจุบันที่ดินรองรับการลงทุนบริเวณนั้นเกือบจะหมดแล้ว หากได้พื้นที่ส่วนนี้เพิ่มก็จะช่วยรองรับการลงทุนและเกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจได้ ซึ่งขณะนี้ทาง กนอ.ได้ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่มีความชำนาญศึกษาความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และผลตอบแทนจากการลงทุน หากผลการศึกษาออกมาว่าการลงทุนมีความคุ้มค่าก็ค่อยพิจารณาเดินหน้าโครงการ โดยรูปแบบการลงทุนจะเลือกรูปแบบที่เป็นประโยชน์กับภาครัฐมากที่สุด
ต่อข้อถามที่ว่ากังวลหรือไม่ที่ขณะนี้เริ่มมีกระแสต่อต้านการถมทะเล นายสุริยะ กล่าวว่า ถ้าทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อให้เศรษฐกิจไทยไปได้ดี ทั้งนี้ ทุกอย่างเหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน หากผลการศึกษาออกมาเห็นว่าคุ้มทุนเป็นประโยชน์ก็จะเดินหน้าโครงการ หากผลศึกษาพบว่ามีผลกระทบสิ่งแวดล้อมมากเกินไปพิจารณาแล้วไม่คุ้มทุนและไม่เป็นประโยชน์ ก็ยกเลิกโครงการ ทั้งนี้ จะต้องรอผลการศึกษาออกมาก่อนและทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย
“เรื่องการถมทะเลเทคโนโลยีการถมทะเลในฮ่องกงและสิงคโปร์ก้าวหน้ามาก และการดำเนินการทุกเรื่องมีผลกระทบแน่ แต่จะต้องควบคุมให้มีผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการจ้างงาน หากมีการลงทุนมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านบาท จะเกิดการจ้างงานนับหมื่นคน จึงจะต้องพิจารณาภาพรวม และอยากจะทำเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ การลงทุนในอีอีซี รัฐบาลไทยเปิดกว้างให้ทุกบริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุนได้ไม่เฉพาะเอ็กซอนฯ เท่านั้น เชลล์หรือบริษัทอื่น ๆ ที่สนใจก็สามารถเข้ามาลงทุนได้เช่นกัน” นายสุริยะ กล่าว
นางสาวสมจิณณ์ กล่าวว่า การศึกษาความเป็นไปได้โครงการถมทะเลจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 6 เดือนนับจากเดือนสิงหาคมนี้ สำหรับการถมทะเลบริเวณแหลมฉบัง ทาง กนอ.จะศึกษา 3 รูปแบบ คือ 1.กนอ.ดำเนินการเอง 2.กนอ.ร่วมกับเอกชน และ 3.เอกชนดำเนินการเอง แต่ท่าเรือเป็นของ กนอ.ผู้จะถมทะเลได้จะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น เอกชนไม่สามารถทำได้ ซึ่งท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 1-2 กนอ.ดำเนินการเองทั้งหมด
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ยังได้มอบหมายให้ กนอ.จัดหาพื้นที่ลงทุนราคาถูกให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเชื่อมโยงสินค้าเกษตร เพราะหากตั้งอยู่ไกลมากก็มีปัญหา โดยขอให้ กนอ.พิจารณาหาพื้นที่ในเขตอีอีซีได้จะยิ่งดี ซึ่งจะได้รับการจัดสรรงบประมาณช่วยทั้งจาก กนอ.และงบจากรัฐบาลด้วย โดยผู้ว่าการ กนอ.รายงานว่าได้จัดพื้นที่ในโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์คส่วนหนึ่งไว้รองรับ ซึ่งทาง บมจ.ปตท.ให้ความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วม.-สำนักข่าวไทย