สุรินทร์ 19 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและภัยแล้งจังหวัดสุรินทร์ สั่งกรมชลฯ เร่งสูบน้ำเสริมอ่างเก็บน้ำหลักผลิตประปา ส่วนกรมฝนหลวงฯ ระดมทำฝนเติมน้ำลงอ่างและช่วยเหลือพื้นที่เกษตร
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า วันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่อีสานใต้ที่โครงการชลประทานสุรินทร์ (อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีห่วงใยราษฎรในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งเป็นอย่างมาก เนื่องจากตั้งแต่ต้นฤดูฝนเป็นต้นมาพื้นที่ภาคอีสานใต้มีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ จึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำด้านการเกษตร
ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ 6 แห่ง มีน้ำเก็บกักรวมกันประมาณ 1,382 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ประมาณ 509 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 84 แห่ง มีน้ำเก็บกักประมาณ 284 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ประมาณ 211 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 53 แห่ง มีน้ำเก็บกักประมาณ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร จากแผนการเพาะปลูกที่วางไว้ 1.50 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 1.30 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 87 ของแผนฯ
นายทองเปลว กล่าวว่า ได้รายงานแนวทางแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง มีน้ำเก็บกักรวมประมาณ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำหลักที่สำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง มีน้ำเก็บกักประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุฯ และอ่างเก็บน้ำอำปึลมีน้ำเก็บกักประมาณ 300,000 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของความจุฯ ดังนั้น กรมชลประทานจึงเร่งจัดหาแหล่งน้ำจากแหล่งน้ำอื่นมาเติมอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง โดยสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำราชมงคลมา 250,000 ลูกบาศก์เมตร และใช้ฝายหลังศูนย์ประมงกักน้ำไว้เป็น ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร รวมทั้งสูบน้ำจากบ่อหินของเอกชนที่มีน้ำประมาณ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ลงอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร
“ระยะยาวจะปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำเดิมที่เป็นหนองน้ำ แก้มลิงธรรมชาติ และอ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้น โดยขุดลอกขยายพื้นที่ให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น การพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสามารถกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ดอนชายเขา พร้อมทั้งระบบส่งน้ำและระบบกระจายน้ำ อีกทั้งปรับปรุงระบบสูบน้ำเพื่อส่งน้ำและกระจายน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เกิดความสูญเสียน้ำน้อยที่สุดไปสู่พื้นที่ขาดแคลนน้ำซ้ำซาก เช่น การสร้างระบบสูบน้ำขนาดใหญ่และระบบส่งน้ำแบบท่อจากแม่น้ำสายหลัก ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลน้ำน้ำในปีที่ฝนน้อยในอนาคต” นายทองเปลว กล่าว
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ได้รายงานนายกรัฐมนตรีถึงผลสำเร็จของการบูรณาของกรมฝนหลวงฯ กับกองทัพอากาศและกองทัพบกในปฏิบัติการฝนหลวง โดยนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณให้เหล่าทัพร่วมดำเนินการครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำให้ปฏิบัติการเติมน้ำเขื่อนมากที่สุด สำหรับพื้นที่ภาคอีสานหน่วยปฏิบัติการฯ ขอนแก่นขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือบริเวณพื้นที่การเกษตรที่จังหวัดขอนแก่นและชัยภูมิ หน่วยปฏิบัติการฯ นครราชสีมาช่วยเหลือบริเวณพื้นที่การเกษตรจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิตอนล่าง หน่วยปฏิบัติการฯ จ.สุรินทร์ปฏิบัติการทั้งบริเวณพื้นที่การเกษตรจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ทำให้ฝนตกสู่พื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงและอ่างเก็บน้ำอำปึล อำเภอเมืองสุรินทร์และพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เนื่องจากเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำคัญสำหรับการผลิตน้ำประปาจ่ายให้ประชาชนในอำเภอเมืองทั้ง 2 จังหวัด
“ตั้งแต่วันที่ 20-24 สิงหาคม กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะได้รับอิทธพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามัน ทำให้การก่อตัวของเมฆธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้น จะเป็นสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติการทำให้เมฆเจริญเติบโตและโจมตีให้ตกลงเป็นฝนสู่พื้นที่เป้าหมายมากขึ้น” นายสุรสีห์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
