สำนักข่าวไทย 17 ส.ค.-นักวิชาการทางทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ 7 ข้อ สิ่งที่ ‘มาเรียม’ ฝากไว้ หลังการจากไป ‘เกิดแผนพะยูนชาติ-กระตุ้นคนไทยตระหนักถึงปัญหาขยะทะเล-ไปให้ถึงมาตรการลดพลาสติกจากต้นทาง’
นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat ถึงการจากไปของ ‘มาเรียม’ พะยูนน้อย ว่า
“มาเรียมจากไปแล้ว ผลการชันสูตรพบเศษถุง พลาสติกในท้อง การจากไปของมาเรียมบอกอะไรเราได้บ้าง #เจ็ดข้อที่มาเรียมฝากไว้
หนึ่ง – นับจากต้นปีมาเรียมเป็นสัตว์สงวนรายที่สองที่ตายและพบพลาสติกในท้อง หลังจากเมื่อเดือนก่อน พบเต่ามะเฟืองตายที่ระยอง โดยมีถุงใบใหญ่อยู่ในท้องเช่นกัน
สอง- นับจากต้นปี มีสัตว์หายากที่ตาย/บาดเจ็บโดยมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับขยะทะเล ทั้งภายนอกและภายใน จำนวนนับร้อยตัว (มีรายงานเต่าทะเลติดขยะ/กินขยะแทบทุกวัน)
สาม-เมื่อพลาสติกเข้าไปในตัวสัตว์ทะเล โอกาสที่จะช่วยเป็นไปได้ยากยิ่ง แม้มาเรียมจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างดี แต่สุดท้ายก็จากไป การหวังให้สัตว์ที่กินขยะทะเลเข้าไปแล้วเราช่วยเหลือได้ เป็นเรื่องดังฝัน สิ่งสำคัญกว่านั้นคือทำอย่างไรให้ไม่มีขยะทะเล เพื่อสัตว์ทะเลจะได้ไม่กิน/ติด
สี่-มาเรียมทำให้เกิดแผนพะยูนแห่งชาติจะเข้าคณะทำงานสัตว์ทะเลหายาก ภายใต้คณะกรรมการทะเลแห่งชาติ เพื่อพิจารณาในวันจันทร์ ในแผนมีหลายเรื่องสำคัญ ทั้งด้านการอนุรักษ์พะยูน จัดการพื้นที่ร่วมกัน มาตรการต่างๆ ในการใช้ประโยชน์จากทะเล ฯลฯ ซึ่งทุกคนล้วนหวังว่า เมื่อทำออกมาแล้ว จะช่วยเพื่อนๆ ของมาเรียมได้ ทว่า…มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีแผนใดสามารถทำได้ หากปราศจากความร่วมมือของทุกคนในชาติ คือปัญหาจากขยะทะเล แม้แผนพะยูนแห่งชาติจะประสบความสำเร็จ แต่ตราบใดที่ในทะเลยังมีขยะ พะยูนทุกชีวิตก็ยังคงเสี่ยงต่อไป
ห้า – ข้อมูลการเก็บขยะทะเลอย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 2 ปีของอุทยานอ่าวพังงา ต้นทางของขยะทะเลในกระบี่และตรัง ที่อาศัยของน้องมาเรียมและฝูงพะยูน แสดงให้เห็นว่า ขยะทะเลไม่ได้ลดลงเลย อันที่จริง เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ใน 10 เดือนแรกของปี 61 เจ้าหน้าที่อุทยานเก็บขยะทะเลได้ 82.3 ตัน ใน 10 เดือนแรกของปี 62 เก็บได้ 95.28 ตัน (ปีงบประมาณ)เจ้าหน้าที่กลุ่มเดิม พื้นที่เก็บขยะที่เดิม เก็บทุกวัน ข้อมูลนี้จึงเชื่อได้ว่า ปัญหาเรื่องขยะทะเลยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (รายละเอียดอยู่ในโพสต์ก่อนของผมครับ)
หก-การจากไปของน้องมาเรียม คงช่วยกระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาขยะทะเล/ขยะพลาสติกได้อีกครั้ง แต่เท่านั้นจะพอหรือ ? ความตายของสัตว์ทะเลต่างๆ ในอดีต รวมทั้งวาฬนำร่องที่สงขลา เต่ามะเฟืองที่ระยอง ทำให้เราตระหนักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้อมูลขยะทะเลจากอ่าวพังงา แสดงให้เห็นชัดว่า แค่ตระหนักยังไม่พอ แค่เลิกใช้ 2-3 วันจากนั้นก็กลับมาใช้ต่อ มันเป็นเพียงกระแสชั่ววูบ
เจ็ด-หากอยากให้การจากไปของมาเรียมไม่สูญเปล่า เราต้องไปให้ไกลกว่าคำว่าตระหนัก เราต้องไปให้ถึงมาตรการลดพลาสติกจากต้นทาง ตามโรดแมปแบนพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ที่กำหนดไว้ในปี 65 (ถุงก๊อบแก็บ หลอด แก้วใช้แล้วทิ้ง ฯลฯ) เคราะห์ดีที่ผู้บริหารระดับสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งรัฐมนตรี ปลัดคนใหม่ (อธิบดีกรมทะเล) ฯลฯ ล้วนเคยลงไปเยี่ยมน้องมาเรียม การจากไปของมาเรียม อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการเร่งรัดโรดแมปที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความจริงก่อนปี 65 เพราะยิ่งรอ สัตว์ทะเลก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งทรมาน ยิ่งตาย ในฐานะประธานคณะทำงานสัตว์ทะเลหายาก ผมจะเสนอประเด็นเร่งรัดมาตรการแบนพลาสติกเข้าที่ประชุมแน่นอนที่เหลือ ก็คงต้องฝากไว้กับความรักระหว่างคนกับน้องมาเรียม มันเหมือนเป็นบทพิสูจน์ความรักความจริงใจของคนไทยกับท้องทะเล…
สุดท้าย หากมาเรียมพูดได้ เธอคงอยากบอกคนไทยว่า เธอไม่โกรธคนไทยหรอก เพราะคนที่ใช้ถุงใบนั้น คงไม่รู้หรอกว่า นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอป่วยแต่เธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก กับเพื่อนๆ ของเธอ พะยูน เต่า โลมา วาฬ ฯลฯ ในช่วงชีวิตของมาเรียม เธอคงฝันถึงทะเลที่สวยสะอาด ทะเลที่เธอสามารถโลดแล่นไปได้ตามใจปรารถนา สามารถกินหญ้าทะเลได้อย่างไร้กังวล ทะเลที่ปราศจากขยะแปลกปลอมของมนุษย์ วันนี้ เธอคงอยู่ในทะเลแห่งนั้นแล้ว” -สำนักข่าวไทย