มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 14 ส.ค.-ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ เผยผลทดสอบสารกันบูดในผลิตภัณฑ์ ‘แกงไตปลาแห้ง’รอบ2 15 ตัวอย่าง สถานการณ์ดีขึ้น พบร้อยละ26 มีปริมาณสารกันบูดเกินมาตรฐานจากเดิมที่พบถึงร้อยละ 50 แนะผู้บริโภคดูฉลากของฝากก่อนซื้อ โดยเฉพาะข้อมูลผู้ผลิต การใช้วัตถุเจือปนอาหาร วันผลิต และวันหมดอายุ
โดยได้สุ่มเก็บตัวอย่าง “แกงไตปลาแห้ง” จำนวนทั้งหมด 15 ตัวอย่าง จากตลาดสดและร้านขายของฝากในภาคใต้ ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารกันบูดประเภทกรดซอร์บิก และกรดเบนโซอิก เป็นครั้งที่ 2 (สุ่มตรวจครั้งแรก มี.ค.61)
โดยผลทดสอบพบว่ามีผลิตภัณฑ์แกงไตปลาแห้ง 5 ตัวอย่าง ที่ตรวจไม่พบสารกันบูดทั้ง 2ชนิด ได้แก่
1.ยี่ห้อ คุณแม่จู้ จากร้านจี้ออ อ.เมือง จ.กระบี่ ไม่พบสารกันบูดทั้ง 2ชนิด
2.ยี่ห้อ แม่อร กระบี่ จากร้านศรีกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ ไม่พบสารกันบูดทั้ง 2 ชนิด
3.ยี่ห้อ จี้ถ้าน พังงา จากร้านต้นข้าว-ต้นขิง สนามบินหาดใหญ่ ไม่พบสารกันบูดทั้ง 2 ชนิด
4.ยี่ห้อ วิน Win จากร้านเฟิร์ส & เฟิร์น สนามบินหาดใหญ่ ไม่พบสารกันบูดทั้ง 2 ชนิด
5.ยี่ห้อ วังรายา จากร้านขายของฝาก จ.ปัตตานี ไม่พบสารกันบูดทั้ง 2ชนิด
และมี 6 ตัวอย่าง ที่ตรวจพบสารกันบูดแต่ไม่เกินมาตรฐาน ได้แก่
1.ยี่ห้อ ณ ชุมพร จากร้านของฝาก อ.เมือง จ.ชุมพร พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 23.94 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2.ยี่ห้อ แม่จิตร สุราษฎร์ธานี จากตลาดสดเทศบาล สุราษฎร์ธานี พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 136.21 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3.ยี่ห้อ จันทร์เสวย จากร้านขายของฝาก จ.ปัตตานี พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 180.83 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
4.ยี่ห้อ ลุงหรอย จากร้านปิ่นโต สนามบินหาดใหญ่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 218.96 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
5.ยี่ห้อ เจ๊น้อง จากร้านศรีกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 338.19 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
และ 6.ยี่ห้อ ชนิดา พังงา จากร้านเฟิร์ส & เฟิร์น สนามบินหาดใหญ่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 482.62 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ส่วนที่เหลืออีก 4 ตัวอย่าง ตรวจพบปริมาณสารกันบูดประเภทกรดซอร์บิก หรือกรดเบนโซอิก เกินมาตรฐาน ได้แก่
1.ยี่ห้อ คุณแม่จู้ จากร้านของฝากแม่จู้ ถ.เทพกษัตรี จ.ภูเก็ต พบปริมาณกรดซอร์บิก เท่ากับ 1190.45 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2.ยี่ห้อ แม่กุ่ย ภูเก็ต จากร้านของฝากแม่กุ่ย จ.ภูเก็ต พบปริมาณกรดซอร์บิก เท่ากับ 1107.64 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3.ยี่ห้อ เจ้นา พังงา จากตลาดสดเทศบาล สุราษฎร์ธานี พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 971.76 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
และ4.ยี่ห้อ ป้าสุ สุราษฎร์ธานี จากตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ พบปริมาณกรดซอร์บิก 697.23 มก./กก และ กรดเบนโซอิก 332.01 มก./กก. (โดยมีปริมาณสัดส่วนของสารกันบูดทั้ง 2ชนิดรวมกันเกินหนึ่ง ซึ่งเกินมาตรฐาน)
ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่389 พ.ศ.2561เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร(ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบวัตถุกันเสียประเภทกรดเบนโซอิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม และประเภทกรดซอร์บิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 1000 มก./กก. ในหมวดอาหารประเภทเครื่องปรุงรส
น.ส.มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากการสุ่มตรวจแกงไตปลาแห้งครั้งแรก เมื่อมีนาคม 2561 จำนวน 10 ตัวอย่าง พบว่ามี 5 ยี่ห้อที่มีสารกันบูดเกินมาตรฐาน(ร้อยละ50) ส่วนครั้งนี้ตรวจทั้งหมด 15 ตัวอย่าง พบว่ามี 4 ยี่ห้อ ที่สารกันบูดเกินมาตรฐาน (ร้อยละ 26) ซึ่งดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะ 3 ยี่ห้อ ที่มีสารกันบูดเกินมาตรฐานในครั้งแรก คือยี่ห้อชนิดา จันทร์เสวย และแม่จิตร ในครั้งนี้พบว่ามีสารกันบูดไม่เกินมาตรฐาน ซึ่งขอชมเชยผู้ประกอบการที่ปรับปรุงสินค้าให้ดีขึ้น
“แต่ที่น่าแปลกใจคือแกงไตปลาแห้งยี่ห้อคุณแม่จู้ (กระปุกแก้วฝาสีทอง) ต้นตำรับดั้งเดิม จากร้านของฝากแม่จู้ จ.ภูเก็ต ที่ครั้งก่อนตรวจไม่พบสารกันบูด แต่ในครั้งนี้พบว่าเกินมาตรฐาน คือพบกรดซอร์บิก 1190.45 มก./กก.ขณะที่ยี่ห้อเดียวกัน คือคุณแม่จู้ (กระปุกพลาสติก ฝาสีแดง) ที่สุ่มเก็บมาจาก จ.กระบี่ ตรวจไม่พบสารกันบูด ถึงแม้ว่าจะมีส่วนผสมและเลข อย. ต่างกัน แต่ชื่อที่เหมือนกันก็อาจทำให้ผู้บริโภคสับสนในการเลือกซื้อได้ว่า แบบไหนมีหรือไม่มีสารกันบูด จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตและให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับผู้บริโภคให้ดีขึ้น” น.ส.มลฤดีกล่าว
น.ส.มลฤดี กล่าวอีกว่า ในเรื่องการให้ข้อมูลการใช้สารกันบูด บนฉลากบรรจุภัณฑ์พบว่า แกงไตปลาแห้งที่ตรวจพบสารกันบูดทั้ง 10 ยี่ห้อ ไม่มียี่ห้อใดเลย ที่ระบุว่าใช้วัตถุกันเสีย จึงอยากให้ผู้ผลิตได้ปรับปรุงการแสดงฉลากให้ถูกต้อง เมื่อมีการใช้สารกันบูดจะมากหรือน้อยก็ต้องระบุไว้ให้ผู้บริโภคทราบ
ในอีกกรณีหนึ่งที่ผลตรวจพบว่ามีสารกันบูดปริมาณเล็กน้อยในหลักสิบ หรือร้อยกว่าๆ ก็อาจเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตไม่ได้ใส่เองแต่สารกันบูดเหล่านี้ อาจมาจากวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสม หากจะใช้คำว่า “ไม่ใช้วัตถุกันเสีย หรือ ปราศจากสารกันบูด” บนฉลากก็ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อน โดยอาจส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจกับหน่วยงานที่ให้บริการตรวจคุณภาพอาหาร เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีวัตถุกันเสียจึงค่อยระบุบนฉลาก ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นว่าให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องกับผู้บริโภคได้
ด้าน เภสัชกรหญิงชโลม เกตุจินดา ผู้แทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ กล่าวว่า แกงไตปลาเป็นของฝากภาคใต้ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จากผลตรวจสารกันบูด กว่าร้อยละ 73 ที่ไม่เกินมาตรฐานหรือไม่พบสารกันบูด ถือว่าน่าชื่นชม โดยเฉพาะผู้ผลิตที่ใช้กระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ซึ่งไม่ต้องใช้สารกันบูดเลย ก็อยากให้ร้านค้าอื่นๆ ลองศึกษาข้อมูลเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่กระบวนการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งพาสารกันบูดหากว่าเป็นไปได้ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานอาหารของฝากภาคใต้ให้ดียิ่งขึ้น
“สำหรับผู้บริโภคที่ชอบของฝากจำพวกน้ำพริกหรือแกงไตปลาแห้ง ก่อนซื้ออยากแนะนำให้ดูวันผลิตด้วย อย่าดูแค่วันหมดอายุอย่างเดียว เพราะของฝากจำพวกอาหารที่ผลิตเอาไว้นานเกินไป อาจมีกลิ่นหรือรสชาติที่เปลี่ยน แปลงไป แม้ว่าจะยังไม่หมดอายุ ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถระบุทั้งวันผลิตและวันหมดอายุ ก็จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคในการเลือกซื้อของฝากที่มีความสดใหม่ รวมทั้งร้านค้าเองก็จะสามารถจัดเรียงสินค้าวางขายตามลำดับก่อนหลังได้อย่างถูกต้องอีกด้วย” เภสัชกรหญิงชโลมกล่าว.-สำนักข่าวไทย