พระนครศรีอยุธยา 13 ส.ค. – จากกรณีกรมธนารักษ์เตรียมนำบ้านโบราณกว่า 200 หลังทั่วประเทศ ให้เอกชนเช่าเพื่อทำประโยชน์ในเชิงอนุรักษ์ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม ซึ่งบ้านขุนพิทักษ์บริหาร อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นหนึ่งในนั้น ขณะที่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมีความเห็นต่าง
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ใน อ.ผักไห่ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นบ้านไทยที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ขุนพิทักษ์บริหาร นายแขวงเสนาใหญ่ ซึ่งก็คือ อ.ผักไห่ ในปัจจุบัน และนางจ่าง ภรรยา เป็นเจ้าของ หลังขุนพิทักษ์ฯ เสียชีวิตลง ลูกหลานย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่น นางจ่างจึงยกบ้านหลังนี้ให้หลวง ในปี 2502 ทำให้มีสภาพรกร้างและทรุดโทรม จนมีการเล่าลือกันว่า มีสิ่งลี้ลับอาศัยอยู่ และที่ผ่านมามักมีกลุ่มวัยรุ่นและรายการทีวีมาพิสูจน์บ่อยครั้ง
ผู้ดูแลบ้านยืนยันว่า ไม่เคยพบสิ่งผิดปกติ หรือเรื่องราวลี้ลับในบ้านหลังนี้ และขุนพิทักษ์ฯ ไม่ได้เสียชีวิตภายในบ้าน
ปัจจุบันบ้านเขียวได้รับการดูแลอย่างดี สภาพภายในยังแข็งแรง ได้เห็นถึงความงดงามของการออกแบบ และความประณีตของช่าง ประตูบานคู่โบราณ หน้าต่างบานกระทุ้งแบบดั้งเดิม สิ่งของภายในบ้านดั้งเดิมที่ยังเหลืออยู่ คือ ตู้ไม้สักโบราณ ตู้เหล็กนิรภัยที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี สำหรับเก็บกระแดงนา หรือโฉนด
และภายในห้องแยกของชั้น 2 มีห่วงเหล็กตรึงอยู่กับพื้นมุมห้อง ใช้สำหรับล็อกโซ่ล่ามกำปั่นสมบัติ ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน บ้านเขียวหลังนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความงดงามอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ชาวบ้านหลายคนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะนำบ้านหลังนี้ให้เอกชนเช่าทำประโยชน์ เพราะเกรงว่าความดั้งเดิมที่เป็นเสน่ห์ของบ้านจะเปลี่ยนไป
บ้านเขียวเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวแนะนำของ อ.ผักไห่ ช่วงวันหยุดจะมีชาวบ้านนำอาหารและสิ่งของมาจำหน่ายเป็นรายได้ ซึ่งขณะนี้เทศบาลเมืองผักไห่ อยู่ระหว่างปรับพื้นที่หลังบ้าน และสร้างห้องน้ำรองรับนักท่องเที่ยว. – สำนักข่าวไทย