พล.อ.ประยุทธ์ จัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ


สำนักข่าวไทย 12 ส.ค.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ประจำวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2559

เป็นระยะเวลายาวนาน เกือบ 7 ทศวรรษ ที่ภาพความทรงจำ ที่คุ้นเคยของ ปวงชนชาวไทย คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระราชดำเนิน เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ในพื้นที่ห่างไกลและถิ่นทุรกันดาร ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อันเป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นานัปการ เพื่อความอยู่ดีกินดี ของพสกนิกร ทุกด้าน พระราชดำริสำคัญของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ล้วนสนองพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น อาทิ ทรงริเริ่มโครงการให้ราษฎร โดยเฉพาะชาวนาในท้องถิ่นชนบท มีอาชีพเสริม โดยใช้เวลาว่างจากการทำนา ทำไร่ มาทำงาน “ศิลปาชีพ” เพื่อช่วยรักษางานช่างศิลป์ ไว้ในวิถีชีวิตชาวบ้าน และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสินค้า OTOP ประชารัฐ ในปัจจุบัน ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถเข้าเยี่ยมชม ผลงานประดิษฐ์จากฝีมือลูกหลาน ชาวไร่ชาวนา ที่นอกจากจะเป็นการสืบสาน อนุรักษ์ ศิลปะของแผ่นดินให้คงอยู่แล้ว ยังสะท้อนถึงความรัก ความเมตตา ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ มีต่อพสกนิกรชาวไทย ผ่านงานศิลป์แขนงต่างๆ ได้ที่งาน “ศิลป์แผ่นดิน” และ “เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์” ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม


อีกทั้ง ด้วยพระอัจฉริยภาพ ที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ในการออกแบบฉลองพระองค์ “ชุดประจำชาติ” จำนวน 8 แบบ เมื่อครั้งโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ เมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันรู้จักกันในนาม “ชุดไทยพระราชนิยม” นอกจากนี้ ทรงมีพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ในการพลิกฟื้นศิลปะชั้นสูงของชาติ โดยทรงส่งเสริม ทั้งงานด้านศิลปะ วรรณศิลป์ และนาฏศิลป์ของไทย อาทิ “โขนพระราชทาน” ให้คืนกลับมาสู่ความนิยม และเป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย อีกครั้งหนึ่ง โดยฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ประยุกต์มาจากชุดไทยพระราชนิยมต้นแบบ และเครื่องโขนพระราชทานดังกล่าว พี่น้องประชาชนสามารถเข้าชมได้ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในพระบรมมหาราชวัง

ดังนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากจะทรงเป็น “แผ่นของแผ่นดิน” แล้ว พระองค์ยังทรงเป็น ประดุจศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกปักรักษางานศิลปะของชาติ สมความหมายแห่งพระราชสมัญญา “อัคราภิรักษศิลปิน” เนื่องในมหามงคล ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 12 สิงหาคม 2559 นี้ ผมขอเชิญชวนปวงพสกนิกร ร่วมกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ มีทัพนักกีฬาไทย 50 กว่าคน เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก 2016” ณ ประเทบราซิล ปัจจุบัน สามารถคว้าเหรียญรางวัล นำความสุขมาสู่ปวงชนชาวไทยแล้ว หลายรายการ ในกีฬายกน้ำหนัก นับตั้งแต่ เหรียญทอง เหรียญแรก จาก “น้องแนน” โสภิตา ธนสาร ตามมาด้วยเหรียญทองและเหรียญเงินของ “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช และ “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว ในรายการเดียวกัน และ “ดุ่ย” สินธุ์เพชร กรวยทอง ที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ได้เหรียญทองแดงมาครอง แต่ก็ต้องสูญเสียคุณยาย “สุบิน” ไป ซึ่งผมก็ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นแรงพลักดัน เป็นกำลังใจให้ “ดุ่ย – สินธุ์เพชร” มุ่งมั่น ฝึกฝนตนเอง ให้ประสบความสำเร็จสูงสุดต่อไป สมดังที่คุณยายสุบินตั้งความหวังไว้ สำหรับนักกีฬาประเภทอื่น ที่กำลังจะทยอยลงสู่สนามการแข่งขัน ผมขอเชิญพี่น้องชาวไทย “ร่วมแรงใจ เชียร์ทัพนักกีฬาไทย คว้าชัยในโอลิมปิก” โดยขอให้นักกีฬาทุกคน ซึ่งเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ ได้แสดงออกถึง “น้ำใจนักกีฬา” และแสดงออกถึง “ความเป็นไทย” ที่งดงาม สู่สายตาชาวโลก ขอให้นักกีฬาทุกคน ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ทำหน้าที่ของตนให้เต็มศักยภาพ มีสมาธิ มีสติ แล้วใช้ปัญญาเป็นเครื่องนำทางสู่ความสำเร็จ ผมเชื่อว่าทุกหัวใจของคนไทย จะเป็นกำลังใจให้ท่าน ไม่ว่าท่านอยู่อยู่ที่ใดในโลก ท่านไม่ได้ไปคนเดียว แต่จะมีทั้งกองเชียร์ติดตามเป็นกำลังใจท่าน ทั้งขอบสนาม ทั้งหน้าจอทีวี คืนนี้..หลังจบรายการนี้ เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ผมขอเชิญชวนร่วมเป็นกำลังใจกับ “น้องณี” สุธิยา จิงเฉลิมมิตร ในการแข่งขัน “ยิงปืนเป้าบิน” ประเภทสกีต ซึ่งเป็นอีกความหวังหนึ่งของเรา ด้วยนะครับ

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ การที่ชาติไทยของเรา จะสามารถดำรงความเป็นชาติ และมีขีดสามารถในการแข่งขัน ทัดเทียมนานาอารยประเทศ บนโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงได้นั้น เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ “โครงสร้างพื้นฐานของชาติ” ที่หลายคนมักจะเข้าใจและคุ้นเคย กับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น “รูปธรรม” ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ทางถนน ทางราง ทางน้ำ ทางทะเล และทางอากาศ หรือโครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดิจิทัล และการสื่อสาร ด้านไฟฟ้า ด้านประปา และด้านพลังงาน ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา อย่างเป็นระบบ และควรบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ของชาติ ระยะยาว เนื่องจากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ที่ผ่านมานั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ถูกบิดเบือน ไม่ปฏิบัติตาม โดยถูกนำไปเป็นข้อต่อรองทางการเมือง ทางธุรกิจ แล้วอ้างว่าเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียง เช่น ประชาชนพื้นที่ใดเลือกพรรคของตน เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว โครงการพัฒนาต่างๆ ก็จะไปถึงพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับหลักธรรมภิบาล ในการบริหารบ้านเมือง ที่ผมเห็นว่ารัฐบาลควรจะบริหารงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อฐานเสียง สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามครรลองที่เหมาะสม เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวม ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แอบแฝง เช่น ผลักดันโครงการทางหลวงพิเศษ หมายเลข 6 (บางปะอิน – นครราชสีมา) ที่ค้างคามา กว่า 20 ปี หรือรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “ฉลองรัชธรรม” ความหมายว่า เฉลิมฉลองพระราชาที่ปกครองโดยธรรม และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการเดินรถฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา / และอีกหลายโครงการที่เกิดจากการบริหารราชการแบบตรงไปตรงมาของรัฐบาลนี้


สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น “นามธรรม” ที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญอย่างมาก แต่หลายคนมักมองข้าม คือ โครงสร้างพื้นฐานทาง “จิตใจ” ที่หลอมรวมกันใน “ความเป็นคน” ไปจนถึง “ความเป็นชาติ” อาทิ ภาษา การศึกษา ศิลปะ หัตถกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นต้น อันเป็นที่มาของความผูกพัน ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เป็นพลังอำนาจของชาติ ที่แม้มองไม่เห็น แต่มีพลัง คล้ายอากาศที่มองไม่เห็น แต่เมื่อมีการรวมตัวกันและเคลื่อนไหว ก็จะเกิดเป็นพายุ อันทรงพลัง หากนำไปใช้ในทางที่ถูก เช่น พลังประชารัฐ และการปฏิรูปต่างๆ ก็จะเกิดคุณประโยชน์แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติโดยรวม แต่หากชี้นำไปใช้ในทางที่ผิด ก็จะเกิดผลในทางตรงกันข้าม เหมือนดังเช่น ก่อน 22 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นนามธรรม จะรวมไปถึงระบบราชการ สวัสดิการ การให้บริการภาครัฐ ที่ต้องสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยรวมแล้ว คือ การบริหารราชการอย่างมีธรรมาภิบาลนั่นเอง ซึ่งรัฐบาลนี้ ให้ความสำคัญอย่างมาก ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศและวางรากฐาน ด้วยปลูกฝังจิตสำนึก ผ่านกลไก “บวร” บ้าน-วัด-โรงเรียน และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และโครงการ “ประชารัฐ” ต่างๆ อันเป็นนโยบายของรัฐบาลเอง โดยไม่ปล่อยให้ “กระแสทุนนิยม บริโภคนิยม วัตถุนิยม” ครอบงำ กัดกร่อน จิตใจคนไทย ให้มีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เพราะวันนี้ ประเทศชาติต้องการความเสียสละ การเห็นแก่ประเทศชาติ ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ดังนั้น การเสริมสร้างความ “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ของชาติ เราจำเป็นต้องคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรูปธรรมและนามธรรม อย่างสมดุล มีภารกิจ ความท้าทายของชาติ และของโลก ในอนาคต ยังมีอีกมาก ผมจึงขอความร่วมมือ สามัคคี ปรองดอง ของคนทั้งชาติ ในการเดินหน้าประเทศ ในการปฏิรูปประเทศต่อไปครับ

ตัวอย่างที่ดี คือ วันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา “วันออกเสียงประชามติ” เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ที่ผมอยากจะเรียกว่า เป็น “รัฐธรรมนูญฯ ฉบับประชาชน” เนื่องจาก “เสียงส่วนใหญ่” ให้การยอมรับ ทั้งรัฐธรรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วง โดยมีพี่น้องประชาชน ได้ออกมาแสดง “พลังอันบริสุทธิ์” ด้วยการไปใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ เกือบร้อยละ 60 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ผมเห็นว่า “ความรักชาติและความสามัคคีของคนในชาติ” กลับคืนสู่สังคมไทยแล้ว อย่างค่อยเป็นค่อยไป และนับเป็นความตื่นตัวทางการเมืองของ “เจ้าของอำนาจ” อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้ ผมคิดว่า “เสียงบริสุทธิ์” ที่ปราศจากการชี้นำ หรืออิทธิผลทางการเมือง ย่อมสะท้อนถึงความต้องการ “ที่แท้จริง” ของประชาชน ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า การปฏิรูปประเทศเพื่ออนาคตของลูกหลาน ดังนั้น ผมขอให้ทุกฝ่ายเคารพการตัดสินใจของประชาชน และขอความร่วมมือกันเดินหน้าประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม “เสียงส่วนน้อย” ก็ยังเป็นเสียงที่มีคุณค่าตามหลักประชาธิปไตย ที่จะต้องได้รับการรับฟัง แล้วนำมาพิจารณา เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างปกติสุขครับ ทิศทางประเทศนับจากนี้ไป จะเป็นไปตาม Roadmap ของเรา ที่ คสช. ได้กำหนดไว้ โดย 3 เดือนจากนี้ไป คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องแก้ไขเพิ่มเติม ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้สอดคล้องกับประเด็นคำถามพ่วง ตามความเห็นชอบจากประชาชน จากนั้น ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อทรงพิจารณาและลงพระปรมาภิไธยต่อไป โดยจะมีวันสำคัญที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย อีก 2 วัน ได้แก่ (1) วันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับใหม่ แก่ประชาชนชาวไทย ประมาณเดือน พ.ย.59 และ (2) วัน เลือกตั้งทั่วไป ช่วงปลายปี 60 โดยผมขอให้เราทุกคน ลบเลือนอดีตที่เจ็บปวดและล้มเหลว ออกจากใจ เก็บไว้เป็นบทเรียน ย้ำเตือนใจ สำหรับการก้าวไปสู่อนาคตที่เริ่มชัดเจน สัมผัสได้ ที่รอเราอยู่ ซึ่งเราจะไขว่คว้าโอกาสนั้นได้มากเพียงใด ขึ้นอยู่กับความสามัคคีของคนในชาติ

ที่กล่าวมานั้น คือ ความชัดเจนและเชื่อถือได้ ที่รัฐบาลและ คสช. มีให้กับประชาชนชาวไทยเสมอมา นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ สำหรับเพื่อนบ้าน พันธมิตร และประชาคมโลก ที่แสดงความเป็นห่วง เฝ้าติดตามสถานการณ์ และให้กำลังใจกับประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินหน้าประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ ถึงความต้องการของประชาชนตามผลประชามติ เส้นทางสู่การเลือกตั้ง และแผนพัฒนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งเป็นแผนระยะสั้น ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นแผนระยะยาว เพื่อความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันดี รวมทั้งสร้างความเชื่อมือแก่นักลงทุน ทั้งภายในและนอกประเทศด้วยครับ

อีก 1 ปีเศษ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป และไปจนถึงการส่งมอบภาระหน้าที่ให้กับรัฐบาลใหม่ ผม รัฐบาล และ คสช. ยังคงต้องการความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันของคนในชาติ เหมือนที่เคยได้รับ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงต่างๆ นั้น ต้องการความเข้าใจและปรับตัวเข้าหากัน พูดจากันด้วยความจริงใจ ผมขอให้เชื่อมั่นและไว้วางใจว่า “รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ” ที่มุ่งมั่นรักษาความมั่นคง เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน โดยจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประเทศชาติและประชาชนครับ

สุดท้ายนี้ เนื่องจากวันนี้เป็น “วันแม่แห่งชาติ” ผมขอให้ทุกครอบครัวคนไทย ได้แสวงหาความสุข พร้อมหน้ากัน พ่อ-แม่-ลูก ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หากต้องการของขวัญวันแม่สักชิ้น ผมขอแนะนำซื้อหาสินค้า “OTOP ประชารัฐ” โดยชาวกรุงเทพฯ หาซื้อได้ที่งาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ประชารัฐ ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” ณ เมืองทองธานี สำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัด ก็แวะซื้อได้ที่ร้านค้าประชารัฐสุขใจ ในปั๊ม ปตท. หรือร้านค้าที่ร่วมรายการได้ ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เป็นโครงการ “ช็อปช่วยชุมชน”ของรัฐบาล นอกจากจะเป็นการสนับสนุนสินค้าไทยและส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านแล้ว ท่านยังสามารถนำใบเสร็จ มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วยครับ

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 รอฟังนายกฯ ยกระดับชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพบก 23 มิ.ย.-มทภ.2 เผยรอฟังนายกฯ ยกระดับมาตราการชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ ชี้อนาคตหากสู้รบ ต้องปิดด่านตลอดแนว ขอคนไทยสามัคคี ในห้วงประเทศวิกฤติ ขอให้มั่นใจทหารอยู่เคียงข้างประชาชน ชายแดนไทยเราปลอดภัยแน่นอน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกโดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมว่า สำหรับเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ผบ.ทบ.ท่านนั้นเชื่อมั่น กองทัพภาคที่2 ในการทำหน้าที่อยู่แล้ว โดย ผบ.ทบ. ได้เน้นย้ำในเรื่องความรักความสามัคคี มุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และดูแลประชาชนตามแนวชายแดนให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ไปทำกิจกรรมหรือทำสัญลักษณ์แสดงความรักชาติในพื้นที่ หรือไม่เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากับประชาชนชาวกัมพูชา โดย พล.ท.บุญสิน ระบุว่าเรื่องนี้เราได้มีการชี้แจงมาโดยตลอดการอนุญาตให้ประชาชนได้ขึ้นไปในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปตามห้วงเวลาและจะมีการประสานแจ้งให้อีกฝั่งรับทราบเช่นกัน เมื่อถามว่ากรณีที่ทางฝั่งกัมพูชาได้มีการเพิ่มกำลังและอาวุธหนักเข้าพื้นที่เพิ่มเติมขึ้นนั้น พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการทหารถือเป็นการชิงความได้เปรียบ ซึ่งเราพร้อมอยู่แล้วที่จะดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน และยืนยันว่าไม่มีความประสงค์ที่จะปะทะกันด้วยอาวุธ แต่เป็นเรื่องของยุทธวิธีทางฝั่งกัมพูชา เมื่อถามว่า ส่วนวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเรียกหน่วยงานความมั่นคงนั่นอาจมีการยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอให้ได้ข้อยุติจากนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกมาในทิศทางใดนั้น เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในอนาคตว่าอาจต้องปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาตลอดนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า […]

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย